ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรพุ่งเทียบดอลล์ ขานรับข่าวประมูลพันธบัตรสเปน-ไอร์แลนด์

ข่าวต่างประเทศ Wednesday August 18, 2010 07:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลสเปนและไอร์แลนด์ประสบความสำเร็จในการประมูลพันธบัตร ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนและสกุลเงินอื่นๆ หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค.

ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.42% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2877 ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.2823 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์ร่วงลง 0.57% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5572 ดอลลาร์ จากระดับ 1.5662 ดอลลาร์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้น 0.19% เมื่อเทียบกับเงินเยนระดับ 85.520 เยน จากระดับของวันจันทร์ที่ 85.360 เยน และดีดตัวขึ้น 0.42% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0434 ฟรังค์ จากระดับ 1.0390 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.78% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9050 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 0.8980 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.65% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7121 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7075 ดอลลาร์สหรัฐ

นักลงทุนเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลไอร์แลนด์และสเปนประสบความสำเร็จในการประมูลพันธบัตร

อย่างไรก็ตาม ค่าเงินยูโรถูกกดดันในระหว่างวัน หลังจากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมนีประจำเดือนส.ค. ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน เนื่องจากความกังวลที่ว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเยอรมนีที่ต้องพึ่งพาการส่งเป็นหลัก

ค่าเงินดอลลาร์ดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนและสกุลเงินอื่นๆ หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ รวมถึงผลผลิตในโรงงาน เหมืองแร่ และผลผลิตด้านสาธารณูปโภค ขยายตัวขึ้น 1.0% ในเดือนก.ค. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาคการผลิตยังคงเป็นปัจจัยหลักในการหนุนเศรษฐกิจสหรัฐให้ฟื้นตัวขึ้น

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการสร้างบ้านใหม่เดือนก.ค.ขยายตัวขึ้น 1.7% สู่ระดับ 546,000 ยูนิตต่อปี โดยตัวเลขการสร้างบ้านในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ ขยายตัวขึ้น 30.5% ขณะที่เขตมิดเวสต์ขยายตัวขึ้น 10.7% นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) เดือนก.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้

สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นดัชนีหลักที่ใช้วัดภาวะเงินเฟ้อ ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน มาอยู่ที่ 3.1% ในเดือนก.ค. จากระดับ 3.2% ในเดือนมิ.ย. แต่ยังสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายที่ระดับ 2% ของธนาคารกลางอังกฤษ

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนก.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ