เมเปิ้ลครอฟท์ (Maplecroft) ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ความเสี่ยงของอังกฤษ เปิดเผยผลการสำรวจว่า อัฟกานิสถานเป็นประเทศที่มีความมั่นคงด้านอาหารน้อยที่สุดในโลก เนื่องจากความยากจนและความขัดแย้งภายในประเทศเป็นอุปสรรคต่อการกระจายอาหารไปยังภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ โดยอัฟกานิสถาน ซึ่งมีกองกำลังทหารของสหรัฐและองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ประจำการอยู่กว่า 142,000 นายเพื่อทำสงครามต่อต้านกลุ่มก่อการก่อการร้ายตาลีบัน รั้งอันดับสูงสุดจากการสำรวจความมั่นคงด้านอาหารใน 163 ประเทศ โดยอีก 11 อันดับถัดไปล้วนเป็นประเทศในแอฟริกา
ฟิโอนา เพลซ นักวิเคราะห์ของเมเปิ้ลครอฟท์ กล่าวว่า สงครามที่กำลังดำเนินอยู่ในอัฟกานิสถานมีผลกระทบต่อโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน และความสามารถในการกระจายสินค้า รวมทั้งส่งผลกระทบต่อการขนส่งและการสื่อสารด้วย
ส่วนรัสเซียนั้น กำลังประสบปัญหาภัยแล้งกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศ ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลรัสเซียมีคำสั่งห้ามส่งออกธัญพืช สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ราคาข้าวสาลีในตลาดโลกพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 23 เดือน ในขณะที่พื้นที่ผลิตทางการเกษตรในแคนาดาก็ประสบกับภาวะน้ำท่วม ขณะที่อุณหูมิที่เพิ่มสูงขึ้นในยูเครนและคาซัคสถานทำให้ผลผลิตธัญพืชลดลง
ทั้งนี้ เมเปิ้ลครอฟท์จัดอันดับการสำรวจจาก 12 ปัจจัย รวมถึง ผลผลิตธัญพืช การให้ความช่วยเหลือด้านอาหาร รายได้ต่อหัวของประชากร และอัตราเงินเฟ้อ โดย 10 อันดับประเทศที่มีความไม่มั่นคงด้านอาหารมากที่สุดรองจากอัฟกานิสถานได้แก่ สาธารณรัฐคองโก บูรันดี เอริเทรีย ซูดาน เอธิโอเปีย แองโกลา ไลบีเลีย ชาด ซิมบับเว ซึ่งทั้งหมดได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่ไม่มีความมั่นคงด้านอาหารในระดับรุนแรง
ส่วนประเทศมีความมั่นคงทางอาหารมากที่สุดได้แก่กลุ่มประเทศทางตอนเหนือของยุโรป ประกอบไปด้วย ฟินแลนด์ สวีเดน เดนมาร์ก และนอร์เวย์ ในขณะที่แคนาดา รั้งอันดับที่ 5 เรื่องความมั่นคงด้านอาหาร และสหรัฐตามมาเป็นที่ 6 ในขณะที่บางประเทศในยุโรป เช่น อิตาลี กรีซ และโปรตุเกส ถูกจัดให้มีความเสี่ยงด้านอาหารในระดับปานกลาง