ส.อ.ท.เผยดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมก.ค.53ที่ 108.6 เพิ่มขึ้นจากมิ.ย..

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 19, 2010 11:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทย(Thai Industries Sentiment Index:TISI) ในเดือน ก.ค.53 ที่ได้จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,093 ตัวอย่าง ครอบคลุม 39 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมฯ อยู่ที่ระดับ 108.6 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 103.3 ในเดือน มิ.ย.53 จากระดับ

"ค่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 108.6 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2553 จากระดับ 103.3" นายพยุงศักดิ์ ระบุในเอกสารเผยแพร่

ทั้งนี้ค่าดัชนีความเชื่อมั่นมีค่าเกิน 100 แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นต่อสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจที่ดี

โดยมีค่าดัชนีที่ปรับเพิ่มขึ้นเกิดจากองค์ประกอบของดัชนีด้านยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ ทั้งนี้จากสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองได้คลี่คลาย พร้อมกับการขับเคลื่อนแผนปรองดองให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น โครงการลงทุนตามแผนปฎิบัติการไทยเข้มแข็ง สามารถทำได้ตามเป้าหมายของรัฐบาล ภาคการผลิตยังขยายตัวได้ดี อีกทั้งภาคการส่งออกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา การส่งออกขยายตัวถึง 46.3% แต่ผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อยอดคำสั่งซื้อ และยอดขายในต่างประเทศจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความเสี่ยง และยังต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 117.6 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 105.7 ในเดือน มิ.ย.53 เนื่องจากผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมคาดการณ์ว่า ยอดคำสั่งซื้อ ยอดขาย ปริมาณการผลิตและผลประกอบการจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียมีการขยายตัวดีอย่างต่อเนื่อง

สำหรับด้านสภาวะแวดลอมในการดำเนินกิจการ พบว่า ผู้ประกอบการมีความกังวลในประเด็นผลกระทบจากสถานการณ์ราคาน้ำมันมากที่สุด รองลงมาคือสถานการณ์ทางการเมือง สภาวะเศรษฐกิจโลก อัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ยตามลำดับ โดยมีความกังวลเพิ่มขึ้นในเรื่องสถานการณ์ราคาน้ำมัน สถานการณ์เศรษฐกิจโลก อัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย

"ผู้ประกอบการมีความกังวลในประเด็นทางการเมือง ระดับราคาน้ำมัน สภาวะเศรษฐกิจโลกเนื่องจากผู้ประกอบกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะยังคงมีความกังวลกับปัญหาหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศยุโรป ถึงแม้ว่าจะมีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และการให้ความช่วยเหลือของธนาคารกลางยุโรปที่ประกาศให้เงินช่วยเหลือก็ยังสร้างความกังวลให้กับนักลงทุน และอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้เพราะสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคลี่คลาย ขณะที่มีความกังวลในอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น" นายพยุงศักดิ์ กล่าว

ส่วนข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการต่อภาครัฐในเดือนนี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีความเห็นสอดคล้องกัน คือ ให้ภาครัฐเร่งสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงทางการเมือง สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการลดภาษี ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และสนับสนุนแหล่งเงินทุน อีกทั้งเร่งสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับโครงการมาบตาพุด ส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ อาทิ การเปิดตลาดใหม่ การประชาสัมพันธ์ เป็นต้น และดูแลอัตราแลกเปลี่ยนให้มีเสถียรภาพ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ