ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) เผยชนชั้นกลางที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในอินเดียเป็นกลุ่มที่ช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศและผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่ภาวะตื่นตระหนกทางเศรษฐกิจอาจกลายเป็นปัจจัยลบที่บดบังช่วงขาขึ้นของเศรษฐกิจในอินเดียได้
รายงาน "Key Indicators for Asia and the Pacific 2010" ซึ่งเป็นรายงานประจำปีของเอดีบีระบุว่า ชนชั้นกลางของอินเดีย ซึ่งหมายถึงกลุ่มชาวอินเดียผู้มีอัตราการบริโภคในประเทศราว 2-20 ดอลลาร์สหรัฐต่อวันนั้น มีจำนวนเพิ่มขึ้นราว 205 ล้านคนในระหว่างปี 2533-2551
โดยการขยายตัวของกลุ่มชนชั้นกลางช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายด้านการบริโภคและกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาสินค้าที่ผลิตในประเทศ ซึ่งรวมถึงรถยนต์ราคาประหยัด ตู้เย็นที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ และโทรศัพท์มือถือราคาย่อมเยา และการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นได้ช่วยหนุนการขยายตัวในประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เอดีบีระบุว่า กว่า 75% ของชนชั้นกลางในอินเดียยังคงอยู่ในกลุ่มที่ใช้จ่ายเงินเพียง 2-4 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ซึ่งหมายความว่า ชนชั้นกลางในอินเดียยังมีความเสี่ยงสูงที่จะกลับไปมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ยากไร้ หากเศรษฐกิจเผชิญภาวะตื่นตระหนกเหมือนเมื่อครั้งที่เกิดภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำเมื่อปีที่แล้ว
จอง-วาห์ ลี หัวหน้านักวิเคราะห์จากเอดีบีกล่าวว่า รัฐบาลอินเดียต้องให้การสนับสนุนนโยบายที่ช่วยคุ้มครองและยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของกลุ่มชนชั้นกลาง ซึ่งจะช่วยเอื้อประโยชน์ทั้งในแง่ของการขยายตัวทางเศรษฐกิจและอาจช่วยแก้ปัญหาความยากจนในระยะยาวได้ดีกว่าการใช้นโยบายที่พุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนจนเพียงกลุ่มเดียว
ทั้งนี้ เอดีบีแนะว่ารัฐบาลควรลงทุนด้านการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและระบบสร้างความปลอดภัยทางสังคม รวมถึงผลักดันนโยบายให้ความช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการ สำนักข่าวซินหัวรายงาน