เงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนพากันเข้าซื้อเงินดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในยามที่ตลาดมีความวิตกกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.34% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 85.630 เยน จากระดับของวันพฤหัสบดี (19 ส.ค.) ที่ 85.340 เยน และแข็งค่าขึ้น 0.31% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0350 ฟรังค์ จากระดับ 1.0318 ฟรังค์
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.90% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2704 ดอลลาร์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.2820 ดอลลาร์ และเงินปอนด์ดิ่งลง 0.40% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5531 ดอลลาร์ จากระดับ 1.5594 ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.04% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8921 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 0.8925 ดอลลาร์ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.03% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7066 จากระดับ 0.7068 ดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ เงินดอลลาร์ได้รับแรงซื้อเข้ามามากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเข้าถือครองสกุลเงินดังกล่าวเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐยังเผชิญกับภาวะเปราะบางจากปัจจัยทางเศรษฐกิจในวันก่อน ทั้งในส่วนของการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งพุ่งขึ้น 12,000 ราย สู่ระดับ 500,000 ราย ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียรายงานว่า ดัชนีกิจกรรมด้านการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติกหดตัวลงสู่ระดับ -7.7 จุดในเดือนส.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะดีดตัวขึ้น
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังแข็งค่าขึ้นมากเมื่อเทียบกับเงินยูโร หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรปเปิดเผยถึงแผนการขยายเวลาการออกเงินกู้ให้กับธนาคารต่างๆ นานขึ้น ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจยุโรปยังคงอ่อนแอ