นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวว่า ดัชนีความหดหู่ของประเทศไทยอยู่ต่ำเป็นอันดับ 3 ของดัชนีวัดความหดหู่ในปี 53 โดยมีค่าดัชนีที่ระดับ 5.1 ขณะที่ประเทศที่มีความหดหู่น้อยเป็นอันดับ 1 คือ ญี่ปุ่นมีค่าดัชนี 4.1 จุด และอันดับ 2 คือ สิงคโปร์ มีค่าดัชนี 4.8 จุด ด้านประเทศที่มีความหดหูมากที่สุด คือ อินเดีย มีค่าดัชนี 22.2 จุด และประเทศยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐ มีค่าดัชนีที่ระดับ 11.4 จุด
นายกรณ์ ระบุว่า เรามักจะชื่นชมประเทศที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูง ยุคนี้ ทุกๆคนก็จะหยิบยก อินเดีย จีน หรือแม้แต่อินโดนีเซีย มาเป็นตัวอย่าง ส่วนประเทศอย่างญี่ปุ่นที่แทบไม่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจเลย ก็จะเป็นตัวอย่างของความล้มเหลว ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลก เพราะในขณะเดียวกันใครๆก็รู้ว่า GDP ไม่ได้เป็นตัววัด"ความสุข"ที่ดี
แม้ว่าการที่ GDP ดีจะหมายถึงรายได้ดี ซึ่งก็เป็นตัวชี้วัดที่ดีส่วนหนึ่ง แต่เศรษฐกิจที่มีอัตราการขยายตัวสูง ไม่ได้บ่งบอกถึงความยุติธรรมในสังคมว่าทุกคนได้ประโยชน์เท่ากันหรือไม่ ฯลฯเพื่อให้การเปรียบเทียบสะท้อนถึงความเป็นอยู่ของประชาชนมากขึ้น จึงขอนำเสนอสิ่งที่ต่างชาติเรียกว่า ‘Misery Index’ หรือ ‘ดัชนีความหดหู่’
ในทางเศรษฐกิจบอกว่าความหดหู่เกิดขึ้นจาก 2 ปัจจัย คือ เงินเฟ้อ เพราะทำให้ของแพง ส่งผลกระทบต่อคนยากจนมากเป็นพิเศษ และ การว่างงาน ไม่มีรายได้ เสียกำลังใจ ดัชนีความหดหู่ จึงเป็นการนำเอา 2 ปัจจัยนี้ในแต่ละประเทศมาบวกกัน จะเห็นว่าประเทศไทยของเรามีดัชนีหดหู่อยู่ในระดับที่น้อยที่สุดแล้ว
"เมื่อเป็นเช่นนี้เรายังอยากเป็นเหมือนจีน หรือ อินเดีย อยู่หรือเปล่าครับ แต่ถ้าวิเคราะห์ให้ดี ข้อเท็จจริงก็คือ ถ้าเศรษฐกิจไม่โต การตกงานก็จะยิ่งมากขึ้น ยิ่งหดหู่ใหญ่ ดูแล้วเอาไปคิดกันเองนะครับ"นายกรณ์ ระบุ