นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติวันนี้เห็นชอบให้จัดทำประกาศ 11 ประเภทกิจการที่มีผลกระทบร้ายแรง จาก 18 ประเภทกิจการที่คณะกรรมการ 4 ฝ่ายเสนอมา โดยจากนี้จะส่งผลการพิจารณาให้คณะกรรมการแต่ละคนรับทราบและจะมีการยกร่างประกาศเพื่อนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป แต่อาจจะไม่ทันในสัปดาห์นี้ เพราะคงต้องใช้เวลา 1-2 วัน
ขณะที่ 7 โครงการที่จะไม่อยู่ในประกาศ ได้แก่ 1.โครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทำรายงาน EIA และผู้ในพื้นที่หรืออาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ เช่น แหล่งมรดกโลกที่ขึ้นบัญชีตามอนุสัญญาระหว่างประเทศ อุทยานประวัติศาสตร์ แหล่งโบราณสถาน พื้นที่ป่าอนุรักษ์ เป็นต้น และ 2.การก่อสร้างหรือขยายสิ่งก่อสร้างถาวรนอกชายฝั่งทะเลเดิม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้ง 2 ประเภทโครงการดังกล่าว คณะกรรมการ สวล.เห็นว่าการออกประกาศรวมอาจมีปัญหาในทางปฏิบัติ จึงกำหนดให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการ สวล.ที่จะสามารถประกาศเฉพาะพื้นที่
ส่วนโครงการ 3.เตาเผาขยะติดเชื้อ 4.โครงการผันน้ำลุ่มน้ำหลัก หรือการผันน้ำระหว่างประเทศ และ 5. โครงการประตูระบายน้ำ นั้น คณะกรรมการฯ เห็นว่าไม่อยู่ในข่ายที่มีผลกระทบร้ายแรง จึงให้เริ่มดำเนินการทำรายงาน EIA เท่านั้น
และ 6.โครงการสูบน้ำเกลือใต้ดิน 7.โครงการชลประทานที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 8 หมื่นไร่ขึ้นไปนั้น คณะกรรมการ สวล.เห็นว่าไม่ควรประกาศเป็นประเภทโครงการที่มีผลกระทบร้ายแรง เนื่องจากปัจจุบันไม่มีการอนุญาตให้ดำเนินโครงการสูบน้ำเกลือใต้ดินอยู่แล้ว ส่วนโครงการชลประทานมีความซ้ำซ้อนกับโครงการด้านน้ำที่มีข้อกำหนดต้องจัดทำแผน EIA อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการโรงแยกก๊าซ 6 ของบมจ.ปตท.(PTT)ไมใด้อยู่ในข่ายโครงการที่มีผลกระทบร้ายแรงตามประกาศ