กสิกรไทยคาด H2/53 ศก.ไทยโต 3.3%, ปี 54 ขยายตัวชะลอลงเหลือ 3-4%

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 24, 2010 10:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 53 จะมีอัตราการเติบโตได้เพียง 3.3% หรือต่ำกว่านั้น ขณะที่อัตราการขยายตัวของทั้งปี 53 อาจอยู่ที่ราว 6.2-6.8% ในกรณีที่ไม่มีเหตุการณ์การเมืองที่ไม่ปกติเกิดขึ้น

ทั้งนี้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงเปราะบางอาจส่งผลกระทบให้การส่งออกของไทยช่วงครึ่งปีหลังชะลอตัวลงมาก โดยคาดว่าจะขยายตัวเพียง 8-17% จากที่เติบโตสูงถึง 37% ในครึ่งปีแรก

นอกจากนี้ในช่วงครึ่งปีหลัง ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระมัดระวังอยู่หลายด้าน โดยปัจจัยเสี่ยงหลัก มาจากปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่ปรากฏชัดเจนมากขึ้นได้สร้างความกังวลถึงผลกระทบที่จะมีต่อภาคการส่งออก ซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยตลอดระยะที่ผ่านมา

สัญญาณการชะลอตัวของการส่งออกไทยในเดือนก.ค.53 ที่หดตัวแรงกว่าที่คาด เป็นสิ่งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากหากการส่งออกยังปรับลดลงในเดือนต่อๆ ไป ก็อาจฉุดกิจกรรมการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีสัดส่วนสูงเกือบ 40% ของจีดีพีของไทย ให้มีระดับที่ลดลง ขณะที่เครื่องชี้ล่วงหน้าของภาวะการผลิตในภูมิภาคสำคัญๆ ของโลกชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเรื่องเงินบาทแข็งค่า ซึ่ง ณ วันที่ 20 ส.ค.53 เงินบาทได้แข็งค่าขึ้นถึง 5.8% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 52 การที่เงินบาทแข็งค่านี้จะทำให้รายได้เงินตราต่างประเทศจากการส่งออกมีมูลค่าน้อยลงเมื่อแปลงกลับมาเป็นมูลค่าเงินบาท ขณะที่ค่าเงินที่แข็งค่ากว่าบางประเทศ เช่น จีน และเวียดนาม ก็อาจมีผลต่อความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของธุรกิจไทยทั้งภาคส่งออกและภาคการท่องเที่ยว ในตลาดที่ต้องแข่งขันกับประเทศที่มีค่าเงินแข็งค่าน้อยกว่าเงินบาทของไทย

อัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น อาจมีผลต่อตลาดการบริโภคสินค้าคงทน เช่น ที่อยู่อาศัย, รถยนต์, เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น นอกจากนี้ปัจจัยเรื่องการเมืองยังมองข้ามไปไม่ได้ เพราะหลายธุรกิจยังขึ้นอยู่กับตัวแปรทางการเมือง ซึ่งสถานการณ์การเมืองที่คลี่คลายลงเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการฟื้นตัวของธุรกิจในประเทศและภาคการท่องเที่ยวอย่างมาก

การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ที่น่าจะเร่งตัวในช่วงโค้งสุดท้ายของปีงบประมาณ ซึ่งเม็ดเงินเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาล รวมทั้งการผลักดันโครงการไทยเข้มแข็งให้มีความคืบหน้า จะเป็นปัจจัยที่มีส่วนช่วยขับเคลื่อนอุปสงค์ในประเทศ

การลงทุนของภาคเอกชนที่ขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีแรกอาจมีทิศทางชะลอตัวลง โดยเฉพาะการลงทุนในด้านก่อสร้างในส่วนของการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ซึ่งน่าจะชะลอลงหลังมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์สิ้นสุดลงไปเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา

สำหรับทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 54 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยอาจขยายตัวเพียง 3-4% ซึ่งเป็นการชะลอตัวจากฐานที่สูงและเป็นทิศทางเดียวกันกับเศรษฐกิจโลกโดยรวม โดยเศรษฐกิจโลกน่าจะเติบโตในจังหวะที่ค่อยเป็นค่อยไป ภายใต้สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ไร้มาตรการกระตุ้นพิเศษ หลังจากการสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ และการคุมเข้มนโยบายการเงินในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ อีกทั้งประเทศพัฒนาแล้วทั้งยุโรปและญี่ปุ่นเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพทางการคลังมากขึ้น

ขณะเดียวกันผลกระตุ้นจากกรอบการค้าเสรีในปีหน้าคงไม่มีกรอบที่ลดภาษีลงอย่างกว้างขวางมากเท่ากับในปีนี้ ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การส่งออกในปี 54 อาจขยายตัวเพียง 6-10% แต่คาดว่าการลงทุนจะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น หากโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐมีความคืบหน้า รวมทั้งปัญหามาบตาพุบคลี่คลายลงทำให้โครงการลงทุนขนาดใหญ่ในพื้นที่เดินหน้าได้

"แม้ในปี 2554 เศรษฐกิจอาจจะเติบโตในอัตราที่ชะลอลง แต่เป็นการเติบโตที่น่าจะกระจายไปสู่ภาคเศรษฐกิจหลากหลายกลุ่มอย่างทั่วถึงมากขึ้น จากที่ในระยะที่ผ่านมาแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจอาศัยภาคการส่งออกเป็นหลัก" เอกสารเผยแพร่ระบุ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ