นายวัชระ กรรณิกา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้เห็นชอบการปรับปรุงแผนบริหารหนี้สาธารณะ ปี 53 ครั้งที่ 5 โดยนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า มีความต่างจากการปรับแผนบริหารหนี้สาธารณะในครั้งๆ ก่อน เพราะครั้งนี้มีผลทำให้หนี้ของรัฐปรับลดลง
"ปกติการปรับปรุงแผนบริหารหนี้สาธารณะส่วนใหญ่จะมีการปรับปรุงตามคำร้องขอของรัฐวิสาหกิจใดๆ ก็ตามที่จะมีการกู้เงินเพื่อไปบริหาร แต่ รมว.คลังได้รายงานเพิ่มเติมว่าในปี 54 และในปีงประมาณต่อไป กระทรวงการคลัง โดยเฉพาะในส่วนของคณะกรรมการนโยบายและกำกับบริหารหนี้สาธารณะ ซึ่ง รมว.คลังเป็นประธาน พยายามที่จะกำหนดให้มีการบริหารการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะไตรมาสละ 1 ครั้ง และที่สุดจะนำไปสู่ปีละ 1 ครั้ง" นายวัชระ กล่าว
การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะที่กระทรวงการคลังเสนอในวันนี้ มีสาระสำคัญคือ เป็นการปรับปรุงวงเงินแผนงานย่อย 2 แผนงาน คือ 1.แผนการบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐบาล จากวงเงินเดิม 678,600 ล้านบาท ปรับเพิ่ม 42,000 ล้านบาท ทำให้วงเงินหลังการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะในส่วนนี้ จะเป็น 7.2 แสนล้านบาท ซึ่งรมวคลัง.ได้รายงานครม.ให้รับทราบว่าเป็นการนำเงินคงคลังของรัฐบาลที่รับสามารถจัดเก็บรายได้สูงกว่าประมาณการที่ 347,000 กว่าล้านบาท ซึ่งเป็นเงินคงคลัง 4.2 หมื่นล้านบาท เพื่อดำเนินการไถ่ถอนตั๋วสัญญา ซึ่งเป็นการใช้หนี้ก่อนกำหนด
ส่วนที่ 2 เป็นแผนการการก่อหนี้จากต่างประเทศ จากวงเงินเดิม 99,000 ล้านบาท โดยปรับเพิ่มอีก 22,000 ล้านบาท ดังนั้นวงเงินใหม่ คือ 122,000 ล้านบาท ซึ่งวงเงินที่ปรับเพิ่มเป็นวงเงินที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะกู้ต่อจากกระทรวงการคลังเพื่อดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต