ดัชนี FCI ก.ค.ลดลงครั้งแรกรอบ 9 เดือนสะท้อนต้นทุนเพิ่มขึ้นตามทิศทางดบ.

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 25, 2010 17:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ดัชนีต้นทุนทางการเงินภาคธุรกิจ (Financial Condition Index: FCI) ในเดือน ก.ค.53 อยู่ที่ระดับ 127.7 ลดลงจากระดับ 127.9 ในเดือน มิ.ย.53

"ถือเป็นการลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน และชี้ถึงต้นทุนทางการเงินของภาคเอกชนในภาพรวมที่ปรับตัวสูงขึ้น"

ขณะที่ การเปรียบเทียบกับอัตราการเปลี่ยนแปลงของปีก่อน ก็ให้ภาพในทิศทางเดียวกัน ก็คือ สภาวะการระดมทุนเริ่มเอื้ออำนวยต่อภาคธุรกิจลดลง ดังจะเห็นได้จากอัตราการเปลี่ยนแปลงจากปีก่อนของดัชนี FCI ที่ชะลอลงจาก 5.0% ในเดือน มิ.ย.มาที่ 4.1%

ในเดือน ก.ค.53 ดัชนี FCI ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในระบบการเงินไทย โดยอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ ดีดตัวขึ้นค่อนข้างมากในช่วงก่อนกำหนดการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันที่ 14 ก.ค.ดังจะเห็นได้จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร(ระยะ 5 ปี) ในวันที่ 12 ก.ค.ขยับขึ้นถึง 19 จุด จากสิ้นเดือน มิ.ย. ซึ่งสะท้อนการคาดการณ์ของตลาดเกี่ยวกับโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

ปัจจัยข้างต้น มีผลในการชี้นำอัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้เอกชนให้ขยับขึ้นตาม ถึงแม้ว่าสเปรดของหุ้นกู้เอกชนในเดือนก.ค.จะมีทิศทางการปรับตัวที่แตกต่างกันไปตามช่วงอายุก็ตาม

นอกจากนี้ การปรับเปลี่ยนทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายดังกล่าว ได้มีอิทธิพลให้ธนาคารพาณิชย์เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินให้กู้ยืมตาม ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประเภท MLR เฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ขยับขึ้นจาก 6.05% มาที่ 6.19%

ทั้งนี้ ทิศทางอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ได้บดบังแรงบวกจากการดีดตัวขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นไทย (ปิดที่ 855.83 จุด ณ สิ้นเดือน ก.ค.จาก 797.31 จุด ณ สิ้นเดือนมิถุนายน) และส่งผลตามมาให้แรงส่งสำหรับดัชนี FCI ในภาพรวมเบาบางลงในเดือนก.ค.53

ขณะที่ การระดมทุนเชิงปริมาณผ่านทั้งตลาดตราสารหนี้ ตลาดหุ้น และการกู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์ ก็ลดลงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าการลดลงของการระดมทุนเชิงปริมาณดังกล่าว น่าจะเป็นสถานการณ์เพียงชั่วคราว เพราะช่องทางหลักอย่างการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์นั้น น่าจะกลับมาเติบโตขึ้นได้ในช่วง 4-5 เดือนที่เหลือของปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความเสี่ยงทางการเมืองที่ลดระดับลง ปัญหาเกี่ยวกับโครงการลงทุนในบริเวณมาบตาพุดที่มีความชัดเจนมากขึ้น และการที่ภาครัฐเดินหน้าประมูลใบอนุญาต 3G ตามกำหนดการที่ตั้งไว้ น่าจะส่งผลให้ภาคเอกชนมีความต้องการสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นที่คาดหมายว่า ธปท.คงจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมอีกในระยะที่เหลือของปีนี้ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า เพื่อรักษาเสถียรภาพของระดับราคา ท่ามกลางภาวะที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพมากขึ้นและน่าจะต้านทานความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกได้ระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้น ก็อาจส่งผลให้อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้และอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของธนาคารพาณิชย์ปรับตัวไปในทิศทางขาขึ้นเช่นกัน แม้ว่าอาจด้วยลักษณะที่ค่อยเป็นค่อยไปก็ตาม ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว อาจกดดันให้ดัชนี FCI ลดความสดใสลง พร้อมๆ กับย้ำเตือนว่าต้นทุนการระดมทุนในภาพรวมกำลังทยอยปรับขึ้นแล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ