หนังสือพิมพ์ จาการ์ต้า โพสต์ รายงานว่า ยอดขายน้ำมันดิบในครึ่งปีแรกของอินโดนีเซียมีปริมาณลดลงต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายซึ่งทำให้การขนส่งน้ำมันล่าช้า ประกอบกับการกลั่นน้ำมันของ PT Pertamina ซึ่งเป็นโรงกลั่นของรัฐบาลขาดความต่อเนื่อง
BPMigas ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันและก๊าซ (Upstream) ของอินโดนีเซีย กล่าวว่า ยอดขายน้ำมันดิบของประเทศ มีปริมาณเฉลี่ย 935,292 บาร์เรลต่อวัน ในขณะที่การผลิตในช่วง 6 เดือนแรก มีปริมาณ 959,823 บาร์เรลต่อวัน
นาย อาร์. ปริโยโน ผู้อำนวยการ BPMigas กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายทั้งในด้านการขายและผลิตน้ำมันเท่ากันที่ 965,000 บาร์เรลต่อวัน แต่ยอดขายปัจจุบันยังต่ำว่าปริมาณการผลิตเนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่เลวร้าย ทั้งฝนตกหนักและพายุ ทำให้การขนส่งน้ำมันมีความลำบากยิ่งขึ้น
โดยในครึ่งปีแรก สภาพภูมิอากาศของอินโดนีเซียได้รับอิทธิพลจากปรากฏการณ์ลานินญา ซึ่งทำให้กระแสน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกเย็นลง ทำให้เกิดฝนตกหนักเกินค่าเฉลี่ยในอินโดนีเซีย
นายปริโยโน กล่าวว่า ยอดขายน้ำมันดิบที่ต่ำกว่าคาดยังเกิดจากปัญหาการปิดโรงกลั่นหลายครั้งของ Pertamina ทำให้ความต้องการน้ำมันดิบลดลง
BPMigas รายงานว่า โรงกลั่นได้หยุดดำเนินงานโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า 122 ครั้งในครึ่งแรกของปีนี้ ส่งผลให้ให้ปริมาณการผลิตลดลง 6,860 บาร์เรลต่อวัน
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซสร้างรายได้หลักให้กับรัฐบาลอินโดนีเซีย โดยคิดเป็นสัดส่วน 30% ของรายได้ทั้งหมดของรัฐบาล โดยในปี 2552 อินโดนีเซียมีรายได้จากน้ำมันและก๊าซอยู่ที่ 1.995 หมื่นล้านดอลลาร์ และ 1.205 หมื่นล้านดอลลาร์ในครึ่งแรกของปี 2553