ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.)เผยผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 53(ต.ค.52-มิ.ย.53) มีปริมาณตู้สินค้าผ่านท่ารวมเพิ่มขึ้น 11.32% จากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณก่อน โดยคาดจะมีกำไรทั้งปี 2,800 ล้านบาท
นายเฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ผู้อำนวยการ กทท.กล่าวว่า ผลการดำเนินงานการให้บริการเรือ สินค้า และตู้สินค้าผ่านท่าเรือของ กทท.ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 53 มีตู้สินค้าผ่านท่าในภาพรวมจำนวน 4,818,203 ทีอียู. เพิ่มขึ้น 11.32% โดยมีปริมาณตู้สินค้าเพิ่มขึ้นทั้งที่ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง โดยท่าเรือกรุงเทพมีเรือเทียบท่า 2,006 เที่ยว เพิ่มขึ้น 5.08% สินค้าผ่านท่า 13.41 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 18.72% และตู้สินค้าผ่านท่า(รวมตู้เปล่า) 1.07 ล้านทีอียู. เพิ่มขึ้น 12.08%
ขณะที่ท่าเรือแหลมฉบังมีเรือเทียบท่า 5,510 เที่ยว เพิ่มขึ้น 18.14% สินค้าผ่านท่า 39.70 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 15.12% และตู้สินค้าผ่านท่า 3.75 ล้านทีอียู. เพิ่มขึ้น 11.11%, ท่าเรือเชียงแสนและเชียงของ มีเรือเทียบท่ารวม 1,093 เที่ยว ลดลง 34.04% สินค้าผ่านท่ารวม 82,606 เมตริกตัน ลดลง 21.64%, ท่าเรือระนอง มีเรือเทียบท่า 284 เที่ยว เพิ่มขึ้น 11.37% สินค้าผ่านท่า 41,786 เมตริกตัน เพิ่มขึ้น 97.30% และตู้สินค้าผ่านท่า 257 ทีอียู. ลดลง 59.27%
ผู้อำนวยการ กทท.กล่าวว่า สาเหตุที่สินค้าผ่านท่าเพิ่มขึ้นเพราะมีปัจจัยสนับสนุนที่ส่งผลต่อการส่งออกของไทยให้เพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 การฟื้นตัวของประเทศคู่ค้าที่มีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะการค้ากับประเทศที่ดำเนินข้อตกลงทางการค้าเสรีร่วมกันหรือการเปิดเสรีอาเซียน(AFTA) ที่เริ่มส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ ตู้สินค้าผ่านท่ามีปริมาณและอัตราการขยายตัวที่เพิ่มขึ้นไปในทิศทางเดียวกันตามภาวะการส่งออกและนำเข้าที่ปรับตัวสูงต่อเนื่อง ชี้ให้เห็นถึงโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะมีการขยายตัวสูงขึ้นทั้งภาคการส่งออก ท่องเที่ยว การลงทุนของภาคเอกชน และการบริโภคของประชาชนในอนาคต
สำหรับกำไรของ กทท.นั้นพบว่าอยู่ที่ 2,368 ล้านบาท และคาดว่าทั้งปีจะมีกำไรอยู่ที่ 2,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรอยู่ที่ 1,945 ล้านบาท