ครม.เยอรมนีไฟเขียวร่างกฎหมายเก็บภาษีธนาคาร มุ่งนำไปพยุงธนาคารประสบปัญหาจากวิกฤตการเงิน

คณะรัฐมนตรีเยอรมนีอนุมัติร่างกฎหมายปรับโครงสร้างภาคการธนาคาร ซึ่งครอบคลุมถึงการจัดเก็บภาษีแบบใหม่จากธนาคารพาณิชย์ และจะนำเงินที่ได้ไปใช้ในการช่วยเหลือธนาคารที่มีแนวโน้มว่าจะประสบปัญหาจากวิกฤตการณ์การเงินในอนาคต แทนการนำเงินภาษีจากราษฎรมาใช้ในวัตถุประสงค์ดังกล่าว

ร่างกฎหมายฉบับดังล่าวกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ของเยอรมนีจัดสรรเงินเข้าสู่กองทุนให้ความช่วยเหลือธนาคารที่ประสบปัญหาในทุกๆปี ซึ่งเงินเหล่านี้จะเป็นต้นทุนในการรองรับผลกระทบจากวิกฤตการณ์การเงินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยคาดว่ารัฐบาลเยอรมนีจะสามารถระดมทุนจากนโยบายการเก็บภาษีแบบใหม่ได้ประมาณ 1 พันล้านยูโร หรือ 1.27 พันล้านดอลลาร์/ปี

ภาษีแบบใหม่ฉบับนี้จะเรียกเก็บจากธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเยอรมนี รวมถึงธนาคารออมทรัพย์และสหกรณ์การธนาคาร ซึ่งสัดส่วนของภาษีนั้นจะคำนวณจากระดับความเสี่ยงของธนาคาร กล่าวคือ ธนาคารที่ทำธุรกรรมที่มีความเสี่ยงสูงกว่าก็จะจ่ายภาษีสูงกว่าธนาคารที่ทำธุรกรรมที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า

นอกจากนี้ ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวจะให้อำนาจกับคณะกรรมการกำกับดูแลด้านการเงินของเยอรมนีมากขึ้น อาทิ อำนาจในการโอนถ่ายทรัพย์ของธนาคารที่มีปัญหา ไปให้กับธนาคารของรัฐในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์การเงิน

สเตฟเฟน เซเบิร์ต โฆษกรัฐบาลเยอรมนีกล่าวว่า ร่างกฎหมายจัดเก็บภาษีแบบใหม่มีเป้าหมายที่สร้างเสถียรภาพในระบบการธนาคารทั้งระบบ โดยไม่ต้องพึ่งพาเงินภาษีของราษฎร

ในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์การเงินโลกนั้น เยอรมนีได้จัดตั้งกองทุน Soffin หรือกองทุนสร้างเสถียรภาพตลาดการเงิน ในปี 2551 เพื่อรับประกันธนาคารที่ประสบปัญหา

ด้านนายโวล์ฟกัง ชูเบิล รมว.คลังเยอรมนีกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เยอรมนีสนับสนุนแนวคิดเรื่องการจัดเก็บภาษีธนาคารพาณิชย์ทั่วโลก ในที่ประชุม G20 ครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นที่เกาหลีใต้ในเดือนพ.ย.นี้ และเชื่อว่านโยบายดังกล่าวจะไม่เกิดประโยชน์อันใดหากถูกนำไปใช้ในไม่กี่ประเทศ สำนักข่าวซินหัวรายงาน