นายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก กล่าวว่า แม้ว่าตุลาการเจ้าของคดีแถลงว่าทั้ง 76 โครงการไม่เข้าข่ายกิจการรุนแรง 11 ประเภทตามมติของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เนื่องจากขณะนี้หลักเกณฑ์การจัดทำรายงานผลกระทบด้านสุขภาพ(HIA) ยังไม่ข้อกำหนดที่ชัดเจน อีกทั้งศาลปกครองกลางกำหนดเวลาดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้เสร็จภายใน 1 ปี ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวนี้ทั้ง 76 โครงการสามารถเดินหน้าก่อสร้างต่อไปได้
นอกจากนี้ ตุลาการฯ ยังเห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวได้มีการพัฒนาเรื่องแนวกันชนตามมาตรฐานที่กำหนดไว้อย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่ดังกล่าวไม่น่าที่จะเกิดปัญหามลพิษรุนแรงเหมือนในอดีต
แต่ทางผู้ฟ้องคดีคือ สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนและผู้ร่วมฟ้องก็เชื่อว่าความเห็นขององค์คณะผู้พิพากษาอาจจะไม่ได้เป็นไปในทางเดียวกับตุลาการฯ และแม้ช่วงที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้มีมาตรการคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วก็ตาม แต่ช่วงเวลาเพียง 6-7 เดือนคงจะเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าโครงการเหล่านี้ไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม เพราะต้องใช้เวลาพิสูจน์อย่างน้อย 5 ปี
อย่างไรก็ตาม หากศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้ยกคำร้องก็จะดำเนินการอุทธรณ์คดีต่อไป อีกทั้งมีช่องทางอื่นที่จะต่อสู้ต่อไป เช่น ผลกระทบเรื่องน้ำ ผลกระทบเรื่องสุขภาพ
ทั้งนี้ ศาลปกครองกลางนัดฟังคำพิพากษาสั่งคดีดังกล่าวในวันที่ 2 ก.ย.53 เวลา 13.30 น.