นายกฯ หนุนระบบสังคมสวัสดิการ หวังวางพื้นฐานรับมือหากเกิดวิกฤตศก.อีก

ข่าวเศรษฐกิจ Friday August 27, 2010 10:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ "การพัฒนาระบบรัฐสวัสดิการกับอนาคตประเทศไทย" โดยให้เหตุผลถึงความจำเป็นที่รัฐบาลไทยต้องมีการจัดทำระบบสวัสดิการสังคมนั้น เนื่องมาจากในปัจจุบันความผันผวนทางด้านเศรษฐกิจโลกยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมีความจำเป็นที่รัฐบาลต้องวางกลไกเพื่อรองรับประชาชนอย่างยั่งยืน เพราะจะเห็นได้ชัดว่าเมื่อตอนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจประเทศไทยปี 40 ก็อาจจะได้รับผลกระทบบางประเทศ แต่ตอนปี 51 ก็เกิดผลกระทบอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีคาดการณ์ว่าในอนาคตอาจจะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจอีกครั้ง แต่ไม่ทราบว่าจะเกิดขึ้นที่ไหน จึงจำเป็นต้องวางพื้นฐาน

นอกจากนี้ การจัดทำนโยบายเฉพาะกิจ หรือนโยบายรูปแบบประชานิยมคงจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาอย่างครอบคลุมและยั่งยืนได้ จึงจำเป็นต้องมีการทำหลักประกันให้กับประชาชน เช่น หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า กองทุนเบี้ยยังชีพ แต่มองว่าระบบที่มีความเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ควรเน้นเรื่องกองทุนเงินออมแห่งชาติ โดยมั่นใจว่าจะมีการเสนอให้สภาในสมัยประชุมนี้ รวมถึงจะมีการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชาวนา เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรต่อไปด้วย

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวในระหว่างการประชุมว่า ไม่อยากใช้คำว่า รัฐสวัสดิการ เพราะ ถือว่ารัฐบาลเป็นผู้แบกรับภาระทั้งหมด แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องการทำ คือ การจัดระบบสวัสดิการสังคมโดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม

โดยรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะจัดทำระบบรัฐสวัสดิการให้เกิดเป็นรูปธรรมภายใน 6 ปีข้างหน้า คือปี 2559 โดยยืนยันว่าจะไม่ให้มีผลกระทบต่อฐานะการเงินการคลัง พร้อมทั้งจะไม่มีผลกระทบต่อเสถียรภาพของระบบสวัสดิการเอง

ทั้งนี้ มั่นใจว่าแนวความคิดเรื่องการจัดทำระบบสวัสดิการสังคมเป็นแนวคิดที่มีความเหมาะสมกับประเทศไทยมากที่สุดในขณะนี้

"ตั้งเป้าไว้ว่าระบบจะทำงานเป็นรูปธรรมในปี 2559 หรืออีก 6 ปีข้างหน้า ซึ่งผมมั่นใจว่าหลักคิดตรงนี้ไม่ผิด และสอดคล้องกับความเป็นจริงของประเทศไทยมากที่สุด"

ในส่วนของการจัดทำระบบสวัสดิการ จะมีการบรรจุไว้ในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 11 เพื่อรองรับการเป็นระบบสวัสดิการที่ดีให้กับประชาชน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ