สำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในแวดวงการธนาคารของญี่ปุ่นว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) กำลังพิจารณาจัดการประชุมนโยบายสมัยวิสามัญในช่วงต้นสัปดาห์หน้า เพื่อหารือกันเกี่ยวกับการใช้มาตรการสกัดกั้นเงินเยนที่แข็งค่าและกำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นอยู่ในขณะนี้
การประชุมดังกล่าวถือเป็นการประชุมฉุกเฉินก่อนที่การประชุมนโยบายตามกำหนดการจะมีขึ้นในวันที่ 6 - 7 ก.ย. โดยบีโอเจได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่าพร้อมที่จะร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่นในการใช้มาตรการสกัดการแข็งค่าของเงินเยนและฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวลง
นายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัง เปิดเผยว่า ทางรัฐบาลจะร่างมาตรการกระตุ้นการคลังฉบับใหม่ในวันอังคารหน้า และกล่าวว่า เขาจะประชุมร่วมกับนายมาซาอากิ ชิรากาว่า ผู้ว่าการบีโอเจในวันจันทร์ หลังจากนายชิรากาว่าเดินทางกลับจากการร่วมประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ๊คสัน โฮล รัฐไวโอมิ่งของสหรัฐ ด้านนายโยชิฮิโกะ โนดะ รมว.คลังญี่ปุ่นกล่าวในวันนี้ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะร่วมงานกับบีโอเจอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เงินเยนแข็งค่าขึ้นอีก ขณะที่ทางรัฐบาลเองก็จะใช้มาตรการที่จำเป็นในการรับมือกับเงินเยนที่แข็งค่า โดยระบุว่าการแข็งค่าของเงินเยนจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ซึ่งนับเป็นสถานการณ์ที่รุนแรงมาก
นอกจากนี้ นายโนดะกล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะหารือกันเกี่ยวกับมาตรการฉุกเฉินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงต้นสัปดาห์หน้า ด้วยการนำเงินจากงบประมาณประจำปี 2553 ที่มีอยู่ราว 9.20 แสนล้านเยน และงบประมาณส่วนเกิน 8 แสนล้านเยนจากงบประมาณประจำปี 2552 มาใช้ในกองทุนกู้วิกฤตเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ บีโอเจกำลังถูกกดดันจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติของรัฐบาลให้เร่งใช้มาตรการฉุกเฉินเพิ่มเติม เนื่องจากเงินเยนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์และยูโร ซึ่งกำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยบีโอเจเคยประกาศใช้โครงการระดมทุนเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้วเพื่อสกัดกั้นเงินเยนที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ท่ามกลางกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหนี้สาธารณะในดูไบ
เกียวโดระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่บีโอเจจะพิจารณาเพิ่มวงเงินในการระดมทุนสำหรับธนาคารพาณิชย์ จากปัจจุบันที่ระดับ 20 ล้านล้านเยน เป็น 30 ล้านล้านเยน และขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้ออกไปเป็น 6 เดือน จากปัจจุบันที่กำหนดไว้ 3 เดือน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวอาจถูกนำมาพิจารณาในการประชุมกำหนดนโยบายของบีโอเจในวันที่ 6-7 ก.ย.นี้
เงินเยนที่แข็งค่าขึ้นถือเป็นปัจจัยลบต่ออุตสาหกรรมส่งออกญี่ปุ่นซึ่งเป็นอุตสากรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เนื่องจากเงินเยนที่แข็งค่าจะส่งผลให้กำไรในตลาดต่างประเทศของบริษัทญี่ปุ่นหดตัวลงด้วย นอกจากนี้ เงินเยนที่แข็งค่าจะทำให้ราคานำเข้าสินค้าตกต่ำลงและอาจทำให้ญี่ปุ่นเผชิญกับภาวะเงินฝืด