ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: เยนแข็งเทียบดอลล์ เหตุนักลงทุนผิดหวังมาตรการแบงค์ชาติญี่ปุ่น

ข่าวต่างประเทศ Tuesday August 31, 2010 07:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินเยนพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (30 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลญี่ปุ่น นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐ ก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนส.ค.ในวันศุกร์นี้

ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลง 0.65% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 84.640 เยน จากระดับของวันศุกร์ (27 ส.ค.) ที่ 85.190 เยน และร่วงลง 0.12% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0264 ฟรังค์ จากระดับ 1.0276 ฟรังค์

ส่วนค่าเงินยูโรร่วงลง 0.79% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2661 ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.2762 ดอลลาร์ และเงินปอนด์ดิ่งลง 0.37% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5462 ดอลลาร์ จากระดับ 1.5520 ดอลลาร์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดิ่งลง 0.63% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8931 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 0.8988 ดอลลาร์ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.28% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7084 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7104 ดอลลาร์สหรัฐ

เงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์เนื่องจากการนโยบายผ่อนปรนด้านการเงินเพิ่มเติมที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ประกาศใช้ในการประชุมฉุกเฉินเมื่อวานนี้ ด้วยเป้าหมายที่จะสกัดกั้นการแข็งค่าของเงินเยนนั้น ไม่ได้สร้างความพอใจให้กับนักลงทุนเท่าใดนัก นอกจากนี้ การที่บีโอเจตัดสินใจขยายโครงการปล่อยเงินกู้จากเดิม 20 ล้านล้านเยน เป็น 30 ล้านล้านเยน ก็เป็นจำนวนเงินที่ตลาดคาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

เดิมทีนั้น คณะกรรมการบีโอเจวางแผนไว้ว่าจะหารือเรื่องมาตรการผ่อนปรนด้านการเงินเพิ่มเติมในการประชุมนโยบายตามกำหนดการในวันที่ 6 - 7 ก.ย.นี้ หลังจากบีโอเจถูกกดดันจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติของรัฐบาลให้เร่งใช้มาตรการฉุกเฉินเพิ่มเติม เนื่องจากเงินเยนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์และยูโร ซึ่งกำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ

ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เคลื่อนตัวผันผวนตลอดทั้งวันเนื่องจากกระแสความวิตกกังวลก่อนที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานเดือนส.ค.ในวันศุกร์ และหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.ค. ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 0.2%

ทั้งนี้ แม้ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนก.ค.เพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.3% แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้

คณะกรรมาธิการยุโรปเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ซึ่งได้จากการสำรวจผู้บริหารธุรกิจและผู้บริโภคในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโร 16 ประเทศ พุ่งแตะระดับ 101.8 จุดในเดือนสิงหาคม จากระดับ 101.1 จุดในกรกฎาคม

ดัชนีความเชื่อมั่นเดือนส.ค.ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2551 โดยสาเหตุที่ทำให้ดัชนีปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบสองปีครึ่งก็คือ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ฟื้นตัวขึ้นอันเนื่องมาจากความวิตกเรื่องการว่างงานบรรเทาลง ขณะที่การส่งออกที่ทะยานขึ้นได้ช่วยหนุนให้เศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัว 1% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 4 ปี

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์คซิตี้เดือนส.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนส.ค. ดัชนีภาคการผลิตเดือนส.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ค. และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) เดือนส.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ