ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐกล่าวว่า คณะทำงานด้านเศรษฐกิจของเขากำลังหารือถึงการใช้มาตรการเพิ่มเติมในการผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ และจะเรียกร้องให้สภาคองเกรสเห็นชอบร่างกฎหมายที่ระบุให้มีการลดหย่อยภาษีและจัดสรรเงินกู้ให้ภาคธุรกิจขนาดเล็กเพิ่มมากขึ้น
สำนักข่าวซินหัวรายงานอ้างแถลงการณ์ของโอบามาที่กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมกับคณะทำงานด้านเศรษฐกิจว่า "ขณะนี้ยังมีหลายภาคธุรกิจที่เผชิญปัญหาเศรษฐกิจและมีชาวอเมริกันอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่มีงานทำ ซึ่งทีมเศรษฐกิจของผมกำลังทุ่มเททำงานหนักเพื่อหามาตรการใหม่ๆในการกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานในระยะสั้น ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันทางเศรษฐกิจในระยะยาว"
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ปรับทบทวนอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อปีที่ระดับ 1.6% ในไตรมาสสองของปีนี้ จากที่ประมาณการณ์ไว้ในเบื้องต้นที่ระดับ 2.4% ซึ่งนับเป็นตัวเลขการขยายตัวรายไตรมาสที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มกระเตื้องขึ้นในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2552
อย่างไรก็ตาม แม้ประธานาธิบดีสหรัฐได้ออกแถลงการณ์ยืนยันถึงคำมั่นว่าจะใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม แต่ดูเหมือนว่านโยบายของรัฐบาลยังไม่มีผลต่อปฏิกิริยาในตลาดมากนัก ขณะที่การใช้มาตรการกระตุ้นภาคการเงินการคลังขนานใหญ่ยังต้องคำนึงถึงตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐที่มีอยู่อย่างมหาศาลด้วย
ขณะเดียวกัน ผู้นำสหรัฐยืนยันว่ารัฐบาลมีมาตรการที่จะช่วยเหลือเศรษฐกิจขนาดเล็กได้ นั่นคือการขยายเวลาการลดหย่อนภาษีให้กับชนชั้นกลางจากเดิมที่ครบกำหนดหมดอายุในปีนี้ รวมทั้งอัดฉีดเงินทุนในธุรกิจด้านพลังงานสะอาดเพิ่มอีก 2 เท่า และการปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐาน อีกทั้งเพิ่มอัตราการลดหย่อนภาษีเพื่อกระตุ้นให้ภาคธุรกิจใช้เงินทุนในการจ้างบุคลากรเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ โอบามาได้เรียกร้องให้บรรดาสมาชิกพรรครีพับลิกันสนับสนุนการออกร่างกฎหมายที่มุ่งกระตุ้นการออกสินเชื่อให้กับธุรกิจขนาดเล็กและกระตุ้นการขยายตัวของการจ้างงานซึ่งระบุถึงการจัดสรรเงิน 3 หมื่นล้านดอลลาร์ให้กับธนาคารขนาดเล็กและกระตุ้นการออกเงินกู้ให้กับภาคธุรกิจขนาดเล็กด้วย นอกจากนี้ ยังมีการปรับลดภาษีและงดเว้นภาษีเงินทุนสำหรับภาคธุรกิจขนาดเล็กที่มีคุณสมบัติตามที่รัฐบาลกำหนด สำนักข่าวซินหัวรายงาน