บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ คาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้สูงกว่า 7% หรืออาจโตได้ราว 7.4% จากนั้นในปี 54 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ราว 4-5% โดยฟิทช์จะมีการติดตามการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะต่อไป หากมีการขยายตัวได้ดีขึ้นกว่านี้ และการเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น ก็อาจจะมีการพิจารณาปรับแนวโน้มเครดิตของไทยในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า โดยเฉพาะเครดิตสกุลเงินบาท
นาย Andrew Cplquhoun ผู้อำนวยการและหัวหน้าฝ่ายจัดดันดับเครดิตประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวว่า ฟิทช์ฯ จัดอันดับเครดิตสกุลต่างประเทศของไทยที่ระดับ BBB แนวโน้ม Stable เนื่องจากสภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศเติบโตดีขึ้น ระดับหนี้สาธารณะลดต่ำลง
ส่วนอันดับเครดิตสกุลเงินในประเทศของไทยอยู่ที่ A- แนวโน้ม Negative เนื่องจากประเทศไทยไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองตั้งแต่ปี 49
แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมองว่าหากในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า เศรษฐกิจไทยยังเติบโตได้ต่อเนื่องจากครึ่งแรกของปี 53 และศาลปกครองตัดสินคดีมาบตาพุดออกมาในเชิงบวก ก็เชื่อว่าในระยะกลางนักลงทันจากต่างประเทศจะกลับเข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น และทำให้เศรษฐกิจโดยรวมภายในประเทศดีขึ้น ฟิทช์ฯ ก็อาจจะพิจารณาปรับแนวโน้มเครดิตอีกครั้งหนึ่งจาก Negative มีโอกาสเป็น stable
สำหรับความเสี่ยงของประเทศไทยขณะนี้เป็นเรื่องของการเมือง แต่มองว่าไม่ได้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากนัก เนื่องจากงบประมาณภาครัฐยังคงจัดทำได้ตามปกติ แต่อาจจะกระทบต่อความเชื่อมั่นในนโยบายภาครัฐระยะสั้น ส่วนเรื่องที่มีผลกระทบโดยตรงคือปัญหามาบตาพุด เพราะยังไม่มีความแน่นอน ทำให้นักลงทุนยังไม่กล้าเข้ามาในขณะนี้ อีกเรื่องหนึ่งคือการใช้งบประมาณรายจ่ายตามนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะนโยบายประชานิยมก็เป็นอีกปัจจัยเสี่ยงที่จะมีผลกระทบกับฐานะการคลังในประเทศ