นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กล่าวว่า ขณะนี้ค่าเงินบาทไม่ได้ผันผวนมาก โดยมีค่าความผันผวนในระดับ 3-4% เท่านั้น และยังไม่พบเงินที่ไหลเข้ามาเก็งกำไรอย่างชัดเจน แต่ก็กำลังติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อดูว่ามีความจำเป็นต้องใช้มาตรการใดหรือไม่
สำหรับการประชุมเช้าวันนี้ ธปท.ก็ได้รายงานสถานการณ์ค่าเงินบาทให้คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจชุดเล็กได้รับทราบถึงภาวะการไหลเข้า-ออกของเงินทุนว่าเป็นอย่างไร ข้อมูลของไทยเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน ถือเป็นการประชุมปกติที่จะจัดขึ้นเป็นระยะเพื่อติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในแง่มุมต่าง ๆ อยู่แล้ว
ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า ที่ประชุมไม่ได้สั่งการอะไรเป็นกรณีพิเศษ เพียงแต่ขอให้ธปท.ติดตามดูแลค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ธปท.ทำอยู่แล้ว และเห็นว่ามาตรการที่มีอยู่ก็สอดคล้องกับสถานการณ์ แต่ก็จะติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไปว่าจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องใช้มาตรการใด ๆ มาดูแล
ส่วนเงินทุนจากต่างประเทศที่ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ ซึ่งเป็นเงินทุนระยะสั้น แต่คงไม่สามารถชี้ชัดลงไปได้ว่าเป็นเงินที่ไหลเข้ามาเก็งกำไรในค่าเงินบาท แต่ ธปท.ก็จับตาดูอยู่
"เงินที่เข้ามาไม่ได้เข้ามาเก็งกำไรชัดเจน เขาคงไม่ได้บอกเราขนาดนั้น แต่แบงก์ชาติก็จับตาดูอยู่ ขณะนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนระมัดระวังอยู่แล้ว แต่ยังไม่เห็นอะไรเป็นพิเศษ"นางธาริษา
นางธาริษา กล่าวว่า ช่วงครึ่งหลังของเดือน ส.ค.53 เงินบาทแข็งค่าขึ้นค่อนข้างเร็ว เป็นผลจากเงินทุนไหลเข้ามามาก หลังจาก เม.ย.-พ.ค.เงินไหลออกไปมากจากปัญหาการเมืองในประเทศ ขณะที่ประเทศอื่นในภูมิภาคเงินไหลเข้าไปช่วงนั้น ชวงนี้เมื่อการเมืองสงบ ทำให้เงินไหลเข้าประเทศไทยมากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค แต่การแข็งค่าของเงินบาทยังอยู่ในระดับกลาง ๆ
การแข็งค่าของเงินบาท เป็นผลมาจากปัจจัยต่างประเทศ โดยเศรษฐกิจประเทศ G-3 แย่ ขณะที่เศรษฐกิจในภูมิภาคขยายตัวได้ดี รวมทั้งไทย ทำให้เงินทุนไหลเข้ามาในภูมิภาคค่อนข้างมาก ประกอบกับ ปัจจัยในประเทศ เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะการส่งออกที่เติบโตได้สูงมากถึง 30-40% ในช่วงที่ผ่านมา และล่าสุดยังโตได้ในระดับ 20% ซึ่งเป็นผลจากการขยายตลาดส่งออกและเปิดตลาดใหม่ รวมทั้งมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่ง ธปท.จะดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนมากเกินไป เพื่อไม่ให้ผู้ส่งออกกำหนดราคาขายสินค้าผิดพลาด