รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI)เปิดเผยว่า ยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ก.ค.53)อยู่ที่ 777 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 545 ราย หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 43% โดยมีเงินลงทุน 2.14 แสนล้านบาท ลดลง 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีเงินลงทุน 2.17 แสนล้านบาท ส่งผลให้เกิดการจ้างงานทั้งสิ้น 90,270 คน
สำหรับประเทศที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด คือ ญี่ปุ่น 192 โครงการ รองลงมา คือ ยุโรป 97 โครงการ, สิงคโปร์ 39 โครงการ, สหรัฐอเมริกา 25 โครงการ, ไต้หวัน 23 โครงการ และ ฮ่องกง 14 โครงการ โดยประเภทกิจการที่มีการลงทุนมากสุด 3 อันดับแรก คือ ธุรกิจบริการและสาธารณูปโภค รองลงมา คือ ธุรกิจผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง อันดับสาม ธุรกิจเกษตรกรรม และผลิตผลจากการเกษตร
แต่หากเป็นประเภทกิจการที่มีเงินลงทุนสูงสุด 3 อันดับแรก คือ ธุรกิจบริการและสาธารณูปโภค เงินลงทุน 9.28 หมื่นล้านบาท รองลงมา ธุรกิจเหมืองแร่ เซรามิกส์ และโลหะขั้นมูลฐาน เงินลงทุน 2.69 หมื่นล้านบาท และอันดับสาม ธุรกิจผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง เงินลงทุน 2.67 หมื่นล้านบาท
ส่วนยอดการอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 799 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 486 ราย โดยมีเงินลงทุน 3.03 แสนล้านบาท