นายนริศ ชัยสูตร ประธานกรรมการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(EXIM BANK) เปิดเผยว่า ภาวะเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายเดือนมิ.ย.จนถึงปัจจุบันน่าจะเกิดจาก 2 สาเหตุหลัก คือ กระแสเงินไหลเข้าจากต่างประเทศจำนวนมาก เพื่อเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดตราสารหนี้ และการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาแล้ว 2 ครั้งและมีแนวโน้มจะขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จากภาวะเงินบาทแข็งค่าทำให้ผู้ส่งออกไทยชะลอการขายเงินดอลลาร์สหรัฐล่วงหน้า รวมทั้งชะลอการขายเงินดอลลาร์สหรัฐที่ได้รับการชำระเงินจากต่างประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางธุรกิจของผู้ส่งออกไทย ซึ่ง EXIM BANK ตระหนักดีถึงความเดือดร้อนดังกล่าว จึงพร้อมจะให้บริการรับจองอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward Contract) โดยเฉพาะผู้ส่งออก SMEs ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงการสนับสนุนจากธนาคารพาณิชย์
นายนริศ แนะว่าผู้ส่งออกไม่ควรคิดเก็งกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่ควรมุ่งพัฒนาศักยภาพการผลิตในระยะยาว โดย EXIM BANK พร้อมจะให้สินเชื่อแก่ผู้ส่งออกสำหรับใช้หมุนเวียนในกิจการช่วงก่อนส่งออกเป็น 2 สกุลเงินได้แก่ ดอลลาร์สหรัฐ หรือบาท ผู้ส่งออกสามารถเลือกกู้เงินจาก EXIM BANK เป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐได้ตั้งแต่วันแรกที่รับคำสั่งซื้อ
ประธานกรรมการ EXIM BANK กล่าวว่า EXIM BANK ยังให้คำปรึกษาแนะนำ รวมทั้งให้ความรู้ด้านการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนผ่านหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ซึ่งในภาวะปัจจุบัน EXIM BANK พร้อมสนับสนุนให้ผู้ส่งออกไทยใช้ประโยชน์จากภาวะเงินบาทแข็งโดยการเร่งนำเข้าเครื่องจักรเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมของไทยในระยะยาว
"ผู้ส่งออกควรมุ่งพัฒนาธุรกิจโดยใช้ประโยชน์จากการแข็งค่าของเงินบาทนำเข้าเครื่องจักรและเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยจากต่างประเทศ ไม่คิดเก็งกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และหยุดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนโดยใช้บริการรับจองอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า และสินเชื่อสกุลดอลลาร์สหรัฐ" นายนริศ กล่าว