สำนักข่าวซินหัววิเคราะห์ว่า จีนยังไม่มีแนวโน้มที่จะรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศ แม้ว่าในระยะนี้จะมีเสียงเรียกร้องเพิ่มมากขึ้นเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ยังคงขยายตัวอยู่ในระดับสูง และอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่ติดลบเป็นเวลาหลายเดือน ขณะที่ในต่างประเทศนั้น สหรัฐและญี่ปุ่นกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายรอบใหม่
ทั้งนี้ มีเหตุผลหลายประการที่จีนไม่ควรจะเร่งรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ประการแรก การรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยถือว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่สอดคล้องกับการคาดการณ์ทั่วไปของตลาดเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจมหภาคของจีนในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่การสร้างความมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว และการปฏิรูปโครงสร้างภาคอุตสาหกรรมยังคงเป็นเรื่องสำคัญ
แรงกดดันด้านเงินเฟ้อในจีนยังไม่สูงมาก และคาดว่าอัตราการขยายตัวของ CPI จะลดลงจากไตรมาส 4 โดยเป้าหมายในการควบคุมอัตราการขยายตัวของ CPI ต่อปีให้อยู่ภายในระดับ 3% นั้นเป็นเรื่องที่จีนสามารถทำได้
นอกจากนี้ มีความเป็นไปได้มากขึ้นเรื่อยๆที่เศรษฐกิจของประเทศต่างๆจะเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง ถึงแม้ว่าผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผ่านมายังเศรษฐกิจในประเทศจีนแบบค่อยเป็นค่อยไปเท่านั้น เฉินหยิ่น แอนด์ หวังกัว ระบุ
ดังนั้น จีนจึงมีแนวโน้มที่จะใช้นโยบายเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวต่อไปในช่วงครึ่งปีหลัง
ประการที่ 2 การบริหารสภาพคล่องของจีนนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมอยู่แล้ว และยังมีวิธีการอื่นๆอีกที่นอกเหนือไปจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
สำนักปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) ได้ออกคำสั่งใหม่เมื่อวันที่ 27 ส.ค.เกี่ยวกับโครงการนำร่องฝากเงินรายได้จากการส่งออกในต่างประเทศ ซึ่งวงในมองกันว่า นโยบายดังกล่าวจะช่วยบรรเทาแรงกดดันให้กับจีนในเรื่องสำรองเงินตราต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการที่จีนไม่แสดงความกระตือรือร้นที่จะอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ
นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังจะช่วยลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในอนาคต และป้องกันไม่ให้การเติบโตทางเศรษฐกิจต้องผันผวนอันเนื่องมาจากสภาพคล่องจำนวนมหาศาล
ธนาคารกลางจีนยังคงมีโอกาสอีกมากที่จะควบคุมสภาพคล่องผ่านทางการซื้อพันธบัตรรัฐบาลในตลาดรอง ซึ่งเมื่อพิจารณาจากการดำเนินการดังกล่าวของจีนแล้ว คงจะเห็นได้ว่า ไม่มีสัญญาณของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแต่อย่างใด ขณะที่ผลตอบแทนตั๋วเงินอายุ 1 ปีของแบงค์ชาติก็ยังคงที่อยู่ที่ระดับ 2.0909% มาเป็นเวลา 12 สัปดาห์แล้ว
ประการที่ 3 แบงค์ชาติจีนได้เสนอเรื่องการปรับเปลี่ยนอย่างมีพลวัตในรายงานนโยบายการเงินประจำไตรมาส 2 ของธนาคาร ซึ่งสามารถตีความจากรายงานดังกล่าวได้ว่า ธนาคารกลางยังไม่ต้องการใช้วิธีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ขณะที่รายงานของกั๋วไท่ แอนด์ จวินอัน ชี้ว่า ขณะนี้ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะปฏิรูปกลไกอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากผลกระทบจากวิกฤตซับไพรม์ยังไม่จางหายไปอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งยังมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันเกี่ยวกับการยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายประเทศ
จากสถานการณ์ดังกล่าว จีนจึงจำเป็นต้องใช้ยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดเพื่อสร้างเสถียรภาพ
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนได้ขึ้นเพดานสำรองมาแล้ว 3 ครั้ง นับตั้งแต่ต้นปี