ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 ก.ย.) หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่ดีเกินคาด ช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจถดถอยลงอีกครั้ง
ค่าเงินยูโรแข็งค่าแตะ 1.2891 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.2825 ดอลลาร์/ยูโรเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (2 ก.ย.) ขณะที่เงินปอนด์ก็แข็งค่าแตะ 1.5465 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.5399 ดอลลาร์/ปอนด์
เงินดอลลาร์แข็งค่าแตะ 84.360 เยน/ดอลลาร์ จาก 84.290 เยน/ดอลลาร์ และแข็งค่าสู่ระดับ 1.0169 ฟรังค์สวิส/ดอลลาร์ จาก 1.0128 ฟรังค์สวิส/ดอลลาร์
ขณะที่เงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าแตะ 0.9164 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9109 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย ส่วนเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ก็แข็งค่าแตะ 0.7204 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จาก 0.7145 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm payroll) ปรับตัวลดลง 54,000 อัตราในเดือนสิงหาคม น้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะร่วงลงถึง 110,000 อัตรา ขณะที่ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนก็ปรับตัวสูงขึ้น 67,000 อัตราในเดือนสิงหาคม จากที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 41,000 อัตรา
นอกจากนั้นตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนกรกฎาคมที่เคยรายงานไปว่าลดลง 131,000 อัตรา ก็ถูกปรับเป็นลดลงเพียง 54,000 อัตรา
ขณะที่อัตราว่างงานเดือนสิงหาคมปรับตัวสูงขึ้นแตะ 9.6% จากระดับ 9.5% ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นการปรับตัวสูงขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน แสดงให้เห็นว่านายจ้างยังคงลังเลที่จะจ้างงานท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ยังขาดเสถียรภาพ แต่ในขณะเดียวกันก็บ่งชี้ว่าจำนวนผู้ที่กำลังหางานมีมากขึ้น ซึ่งส่งสัญญาณว่าผู้คนมีความหวังมากขึ้นว่าจะได้งานทำ
เบน เบอร์นันเก้ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า ทางธนาคารกลางอาจใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหากสภาพการณ์ต่างๆ ย่ำแย่ลง โดยมาตรการดังกล่าวมีแนวโน้มว่าจะทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลงอีก ซึ่งจะยิ่งทำให้เงินดอลลาร์ไม่น่าดึงดูดใจในสายตาของนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูง