ฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า การผลักดันให้กรีซออกไปจากกลุ่มยุโรโซน หรือ 16 ประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรนั้น ถือเป็นทางออกที่เลวร้าย แต่ก็มีความเป็นไปได้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ทริเชต์ยังเรียกร้องให้สมาชิกกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) เข้ามาร่วมมีบทบาทในกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
การแสดงความคิดเห็นของทริเชต์มีขึ้นหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายของอีซีบีมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1% ในการประชุมครั้งล่าสุด ซึ่งเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นเดือนที่ 16 เนื่องจากอีซีบียังไม่มั่นใจว่าเศรษฐกิจยูโรโซน หรือ 16 ประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร จะฟื้นตัวจากภาวะถดถอยได้อย่างยั่งยืนและแข็งแกร่ง ซึ่งปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคได้แก่ การว่างงานที่ยังอยู่ในระดับสูงในหลายประเทศ อาทิ สเปน และ กรีซ รวมถึงความพยายามของรัฐบาลประเทศต่างๆที่จะลดหนี้สาธารณะและยอดขาดดุลงบประมาณ
ทางด้านของกรีซนั้น นายจอร์จ ปาปันเดรอู นายกรัฐมนตรีกรีซได้กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า กรีซจะสามารถฝ่าฟันวิกฤตการณ์การเงินไปได้ ซึ่งสอดคล้องกับที่คณะผู้ตรวจการของอียูและไอเอ็มเอฟระบุว่า มีความเป็นไปได้สูงที่กรีซจะได้รับเงินช่วยเหลือเป็นครั้งที่สองจากอียูและไอเอ็มเอฟ หลังจากที่คณะผู้แทนจากสององค์กรได้ร่วมกันทบทวนแผนลดรายจ่ายอย่างเข้มงวดของรัฐบาลกรีซมาเป็นเวลาเกือบสองสัปดาห์ และพบว่ากรีซมีความคืบหน้าอย่างมากในการจัดการกับวิกฤตหนี้สาธารณะ
เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ประเทศพันธมิตรในยุโรปและไอเอ็มเอฟตัดสินใจให้เงินช่วยเหลือกรีซในรูปของเงินกู้ระยะ 3 ปี มูลค่า 1.1 แสนล้านยูโร (1.452 แสนล้านดอลลาร์) แลกกับการที่กรีซต้องใช้มาตรการลดงบประมาณการใช้จ่ายและปฏิรูประบบการคลัง สำนักข่าวซินหัวรายงาน