หนังสือพิมพ์เดอะ เนชันแนล ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) รายงานในวันนี้ว่า ดูไบ เวิล์ด และดูไบ โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทภายใต้การบริหารจัดการของรัฐบาลดูไบ สามารถระดมทุนได้อย่างน้อย 3.1 พันล้านเดอร์แฮม (843.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ผ่านการขายสินทรัพย์ ขณะเดียวกันคาดว่าทั้ง 2 บริษัทจะระดมทุนเพิ่มอีก เพื่อชำระคืนหนี้ที่เกิดจากการเข้าซื้อหุ้นในบริษัทหลายแห่งและสินทรัพย์ในรูปอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปี 2549-2550
รายงานระบุว่า ดูไบ เวิล์ด ใกล้จะบรรลุข้อตกลงการปรับโครงสร้างหนี้มูลค่า 2.35 หมื่นล้านดอลลาร์ และทางบริษัทกำลังพิจารณาเรื่องการขายสินทรัพย์ รวมถึงการขายบริษัทดีพี เวิร์ลด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ และขายหุ้นในบริษัทอิสทิธมาร์ เวิล์ด เพื่อจ่ายหนี้ธนาคารมูลค่า 1.41 หมื่นล้านดอลลาร์
ในช่วงปลายเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลงอย่างหนัก จากข่าวที่ว่าดูไบ เวิลด์ ซึ่งมีหนี้สินรวม 5.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ได้ขอเลื่อนการชำระหนี้จำนวน 3.5 พันล้านดอลลาร์ ข่าวดังกล่าวส่งผลให้มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส และเอสแอนด์พีประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท ดูไบ เวิลด์ ลงสู่สถานะ "junk" หรือ "ขยะ" ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้ครั้งใหญ่สุดในรอบ 8 ปี หลังจากในปีพ.ศ.2544 รัฐบาลอาร์เจนติน่าเคยผิดนัดชำระหนี้ครั้งใหญ่มาแล้ว
โดยสาเหตุที่ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลกับข่าวดังกล่าวก็เพราะทรัพย์สินของดูไบ เวิลด์ ครอบคลุมถึงหุ้นในบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลก ตั้งแต่บริษัท เอ็มจีเอ็ม มิราจ ซึ่งเป็นบริษัทคาสิโนในลาสเวกัส ไปจนถึงธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด, บริษัทค้าปลีกระดับหรูอย่าง บาร์นียส์ นิวยอร์ก และบริษัท อิสทิธมาร์ พีเจเอสซี ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ชื่อดังระดับโลก