ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เริ่มเปิดฉากการประชุมนโยบายระยะเวลา 2 วันในวันนี้ (6 ก.ย.) เพื่อประเมินผลกระทบของการใช้นโยบายผ่อนปรนด้านการเงินซึ่งบีโอเจนำมาใช้เมื่อไม่นานมานี้ เพื่อสกัดกั้นการแข็งค่าของเงินเยน นอกจากนี้ ที่ประชุมจะประเมินความเสี่ยงที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจจะเผชิญกับภาวะขาลง
การประชุมครั้งล่าสุดนี้มีขึ้นหลังจากบีโอเจตัดสินใจขยายโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ขณะที่นักลงทุนจำนวนมากคาดว่าบีโอเจจะยังคงใช้นโยบายการเงินในปัจจุบัน รวมถึงการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ 0.1% ไว้อีกระยะหนึ่ง
โดยในการประชุมฉุกเฉินเมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น บีโอเจได้เข้าแทรกแซงตลาดด้วยการขยายโครงการเงินกู้ให้กับสถาบันการเงินเป็น 30 ล้านล้านเยน จากเดิม 20 ล้านล้านเยน พร้อมกับเลื่อนระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้เป็น 6 เดือน จากเดิม 3 เดือน ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ 0.1%
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจำนวนเงินที่บีโอเจตัดสินใจอัดฉีดเข้าสู่ระบบการเงินในครั้งนี้ สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ จึงทำให้เงินเยนยังคงเคลื่อนไหวในระดับสูงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ โดยเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นกำลังส่งผลกระทบต่อบริษัทส่งออกญี่ปุ่นซึ่งเป็นภาคส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า บีโอเจอาจจะพิจารณาการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนปรนเพิ่มเติมหากเงินเยนแข็งค่าขึ้นอีก แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าทางการญี่ปุ่นอาจจะใช้นโยบายสกัดกั้นเงินเยนแค่ในกรอบที่จำกัดเท่านั้น เนื่องจากปัญหาหลักของญี่ปุ่นคือการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐ
นอกจากนี้คาดว่า นโยบายผ่อนปรนด้านการเงินของบีโอเจที่จะนำมาใช้เพิ่มเติมนั้น อาจครอบคลุมถึงการขยายโครงการเงินกู้ การเพิ่มปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น และลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจากระดับปัจจุบันที่ 0.1%