China Todayข่าวเศรษฐกิจมหภาคจีนประจำวันที่ 7 กันยายน 2553

ข่าวต่างประเทศ Tuesday September 7, 2010 10:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

รัฐบาลจีนประกาศแผนสนับสนุนการย้ายพื้นที่สำหรับย่านนิคมอุตสาหกรรมขั้นต้นจากเดิมที่อยู่แถบชายฝั่ง ให้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันตกของจีน ซึ่งแผนการดังกล่าวนับเป็นหนึ่งในความพยายามของรัฐบาลที่จะกระตุ้นการปรับโครงสร้างภาคอุตสาหกรรมและปรับเปลี่ยนรูปแบบการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน

แถลงการณ์จากสภาแห่งรัฐจีน หรือคณะรัฐมนตรีจีนที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของรัฐบาลระบุว่า การปรับเปลี่ยนทำเลที่ตั้งสำหรับย่านนิคมอุตสาหกรรมขั้นต่ำ จากพื้นที่ชายฝั่งมาสู่พื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันตกของประเทศไม่เพียงแต่จะช่วยเร่งการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมและการพัฒนาความเป็นเมืองในพื้นที่ด้อยพัฒนาเท่านั้น แต่จะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจในแถบพื้นที่ชายฝั่งของจีนให้ดีขึ้นด้วย

-- หวง ไห่ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีพาณิชย์จีนคาดการณ์ว่า จีนอาจมีรายจ่ายเพื่อการบริโภคขั้นสุดท้าย (final consumption expenditure) พุ่งแซงหน้าเยอรมนีในอีก 2 ปีข้างหน้า และอาจตามทันญี่ปุ่นได้ในช่วงปี 2558

หวงกล่าวว่า รายจ่ายเพื่อการบริโภคขั้นสุดท้ายของจีนอาจพุ่งสูงถึง 2.43 ล้านล้านหยวนในปี 2552 ซึ่งทำให้จีนเป็นประเทศที่มีอัตราการบริโภคมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากสหรัฐ ญี่ปุ่น และเยอรมนี

ทั้งนี้ นายหวงประเมินตัวเลขดังกล่าวบนพื้นฐานของอัตราการบริโภคของจีนที่เพิ่มขึ้น 11.6% โดยเฉลี่ยต่อปี นับตั้งแต่ปี 2543

-- รัฐบาลจีนร่างแผนกระตุ้นการควบรวมกิจการของภาคอุตสาหกรรมต่างๆในประเทศ โดยมีเป้าหมายที่จะเร่งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันในภาคอุตสาหกรรมให้มากยิ่งขึ้น

แถลงการณ์จากคณะรัฐมนตรีจีนที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของรัฐบาลระบุถึงกลุ่มอุตสาหกรรมที่รัฐบาลสนับสนุนให้มีการควบรวมกิจการ ซึ่งประกอบด้วย อุตสาหกรรมยานยนต์ โลหะ ซีเมนต์ เครื่องจักร แร่อะลูมิเนียมและแร่หายาก

ขณะเดียวกันบางกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีจุดอ่อนเชิงโครงสร้าง การพัฒนานวัตกรรม และการแข่งขัน จำเป็นต้องมีการควบรวมกิจการเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น

-- ฉง กวาน เจ้าหน้าที่จากกระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยว่า มูลค่าตลาดภายในประเทศของจีนมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นแตะ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวพุ่งสูงกว่ามูลค่าตลาดส่งออกของจีนอยู่มากทีเดียว สำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ