ค่าเงินยูโรร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพในภาคการธนาคารของยุโรปและแนวโน้มเศรษฐกิจในยุโรป ขณะที่เงินเยนพุ่งขึ้นเนื่องจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ไม่ได้ออกมาตรการใดๆในการยับยั้งการแข็งค่าของเงินเยนในการประชุมเมื่อวานนี้
ค่าเงินยูโรร่วงลง 1.45% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2685 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ (3 ก.ย.) ที่ 1.2872 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.19% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5361 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.5390 ดอลลาร์ (*หมายเหตุ ที่ต้องเทียบกับระดับของวันศุกร์เนื่องจากตลาดเงินนิวยอร์กปิดทำการในวันจันทร์ที่ 6 ก.ย.เนื่องในวันแรงงานของสหรัฐ)
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.45% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 83.800 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 84.180 เยน และขยับลง 0.20% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0099 ฟรังค์ จากระดับ 1.0119 ฟรังค์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.71% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9106 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ 0.9171 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 0.53% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7189 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7227 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินยูโรร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของภาคการธนาคารในยุโรป หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ในการทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test) ของธนาคาร 91 แห่งในยุโรปเมื่อวันที่ 23 ก.ค.นั้น มีธนาคารบางแห่งถือครองตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงของรัฐบาลในระดับที่ต่ำเกินไป
ผลการทดสอบภาวะวิกฤตของธนาคาร 91 แห่งในครั้งนั้นพบว่า มีธนาคารเพียง 7 แห่งในยุโรปที่ไม่ผ่านการทดสอบ ซึ่งได้แก่ธนาคารไฮโป เรียลเอสเตท โฮลดิ้ง ของเยอรมนี ธนาคารเอทีอีของกรีซ ส่วนธนาคารอีก 5 แห่งเป็นของสเปน ได้แก่ ธนาคาร Diada, Unnim, Espiga, Banca Civica และ Cajasur โดยธนาคารเหล่านี้ไม่สามารถผ่านการทดสอบการเพิ่มความแข็งแกร่งของเงินกองทุนขั้นที่ 1 (Tier 1 capital) เนื่องจากมีอัตราส่วนทุนต่อสินทรัพย์ต่ำกว่าระดับอ้างอิงขั้นต่ำของ CEBS ที่ 6% จึงทำให้ธนาคารเหล่านี้ต้องระดมทุนเป็นเงินรวมกันมูลค่า 3.5 พันล้านยูโร หรือ 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่สมาคมธนาคารของเยอรมนีรายงานว่า มีธนาคารขนาดใหญ่อย่างน้อย 10 แห่งของเยอรมนีที่ต้องระดมทุนเพิ่มอีกราว 1.05 แสนล้านยูโร เพื่อให้ตรงตามข้อกำหนดของคณะกรรมการกำกับดูแลภาคการธนาคารของสหภาพยุโรป (CEBS)
ยูโรได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อสำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนีรายงานว่า ยอดสั่งซื้อในอุตสาหกรรมการผลิตของเยอรมนีหดตัวลง 2.2% ในเดือนก.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% เนื่องจากดีมานด์สินค้าทั้งภายในและต่างประเทศชะลอตัวลง
ส่วนเงินเยนพุ่งขึ้นหลังจากนายมาซาเอกิ ชิรากาวา ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆว่าจะสกัดกั้นการแข็งค่าของเงินเยนในระยะสั้น
คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีการจ้างงานประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐ ร่วงลงสู่ระดับ 96.7 จุด จากเดือนก.ค.ที่ระดับ 97.4 จุด บ่งชี้ว่าอัตราการขยายตัวด้านการจ้างานจะยังคงชะลอตัวต่อเนื่องในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ ธนาคารกลางสหรัฐจะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจหรือ Beige Book วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.ค. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนก.ค.