(แก้ไข) เครือ CP เผยบาทแข็งไม่กระทบส่งออกอาหารไทย คาดทั้งปีแตะ 8 แสนลบ.โต 10%

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 8, 2010 16:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอาชว์ เตาลานนท์ รองประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการของบริษัท รวมทั้งการภาพรวมการส่งออกอาหารของไทย ทั้งนี้คาดว่ายอดการส่งออกสินค้าอาหารของไทยทั้งปีอยู่ที่ 8 แสนล้านบาท หรือโต 10% ตามเป้าหมาย แม้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังการส่งออกของไทยและเศรษฐกิจโดยรวมอาจชะลออัตราเติบโตลงจากครึ่งปีแรก และค่าเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าหลุด 30 บาท/ดอลลาร์

"เงินบาทขณะนี้แข็งค่าตามทิศทางเดียวกับภูมิภาค แข็งค่าเป็นอันดับ 2 รองจากมาเลเซีย แต่ก็อยากให้ ธปท.เข้ามาดูแลค่าเงินบาท เพราะถ้าเราแข็งค่ามากขึ้นก็ต้องระวังและมาดูว่าเงินที่ไหลเข้ามาเป็นการเก็งกำไรหรือเปล่า ธปท.ควรจะมีมาตรการอย่างที่เคยมีมา แต่ไม่ควรแรงเกินไปเพราะอาจจะมีปัญหาได้"นานอาชว์ กล่าว

นายอาชว์ กล่าวว่า มีแนวโน้มว่าเงินบาทมีโอกาสแข็งค่ามาอยู่ที่ระดับ 30 บาท/ดอลลาร์ จะส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกเป็นอย่างมาก เนื่องจากการส่งออกถือเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย หากเงินบาทยังแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องอาจทำให้การส่งออกของไทยปีนี้ขยายตัวไม่ได้ตามเป้าที่วางไว้ 25% อาจจะขยายตัวได้เพียง 20-22% จึงอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้ามาดูแลค่าเงินบาทในขณะนี้

ขณะที่บาทแข็งกระทบสินค้าเกษตรมากที่สุด และกระทบสินค้าส่งออกที่ไม่มีแบรนด์เนม ไม่มีแบรนด์ ลอยัลตี้ แต่ในส่วนของซีพี ไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีประกันความเสี่ยง ประกอบกับซีพีมีสัดส่วนการนำเข้าสินค้าและส่งออกอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันจึงบาลานซ์กันได้

"น่าเป็นห่วงบริษัทขนาดกลางและเล็ก เนื่องจากไม่มีโอกาสทำประกันความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินบาท ซึ่งภาครัฐเองควรเข้าไปดูแลบริษัทที่ได้รับความเดือดร้อน ไม่ให้ค่าเงินเปลี่ยนแปลงเร็วจนเกินไป"นายอาชว์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม การที่เงินบาทแข็งค่าถือเป็นโอกาสที่ธุรกิจจะลงทุนปรับปรุงเครื่องจักรอุปกรณ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต เนื่องจากการนำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์จะมีราคาถูกลง

ทั้งนี้ แนะนำรัฐบาลควรดูแลสินค้าเกษตร อย่าปล่อยให้สินค้าเกษตรเป็นไปตามยถากรรม รัฐบาลควรใช้โอกาสที่เงินบาทแข็งค่าเข้ามาดูแลเรื่องการลงทุนด้านการชลประทาน โลจิสติก ไซโล พัฒนาพันธุ์ ปรับปรุงวิธีการผลิต การแปรรูปสินค้าเกษตร สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตรของไทยสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รองประธานเครือซีพี ยังเห็นด้วยกับคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 53 จะอยู่ที่ 7-7.5% โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยขยายตัวถึง 12% และไตรมาสที่ 2 ขยายตัว 9.1% รวมครึ่งปีแรกเศรษฐกิจไทยขยายตัวเฉลี่ย 10.6% ดีขึ้นทั้งการบริโภค การผลิต การลงทุน ราคาสินค้าเกษตรก็ดีขึ้น มีอย่างเดียวที่ไม่ดีตั้งแต่ต้นปีคือการท่องเที่ยวซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาการเมือง แต่ในระยะนี้การท่องเที่ยวเริ่มจะฟื้นตัวดีขึ้น คาดว่าสิ้นปีนี้ไม่น่ามีปัญหา

"โดยภาพรวมเศรษฐกิจยังขยายตัวได้ดีทั้งปีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจน่าจะเป็นไปตามที่สภาพัฒน์คาด คือ 7-7.5% จากครึ่งปีแรกอยู่ที่ 10.6% แต่ครึ่งปีหลังอาจจะชะลอตัวลงเหลือ 5%"นายอาชว์ กล่าว

เนื่องจากการส่งออกที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท รวมถึงเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังฟื้นตัวไม่มากอย่างที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจและการเงินของประเทศในยุโรปที่ยังมีปัญหาอยู่ ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศจีนเองเริ่มชะลอการขยายตัว

ซึ่งหากไม่มีเหตุการณ์หรือวิกฤตอะไรเข้ามากระทบอีก คาดว่าในปี 54 ประมาณการณ์เศรษฐกิจจะเติบโต 3.5-4.5%

อย่างไรก็ตาม ได้เสนอแนะให้ภาครัฐปรับสัดส่วนส่งออกต่อการบริโภคของไทยเป็น 60:40 ใน 5 ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 70:30 เพื่อลดความผันผวนจากผลกระทบภายนอก และเป็นการกระตุ้นการบริโภคในประเทศไปด้วย ซึ่งจะเป็นการบรรเทาปัญหาในระยะยาว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ