คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย(ครป.)ออกแถลงการณ์สนับสนุนข้อเรียกร้องของเครือข่ายประชาชนตะวันออกที่เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีทบทวนมติการประชุมของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ(สวล.)เมื่อวันที่ 23 ส.ค.53 โดยให้ยืนยันร่างประกาศรายชื่อกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างร้ายแรงทั้งด้านสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ ซึ่งกำหนดประเภทกิจการรุนแรงทั้งสิ้น 18 ประเภท ตามข้อเสนอของคณะกรรมการ 4 ฝ่ายที่ได้เชิญประชาชนทุกภาคส่วนทั้งชาวบ้าน เอกชนผู้มีส่วนได้เสียจากโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมอย่างครบถ้วน และผ่านการรับฟังความเห็นของประชาชนทั้ง 5 ภาคเพื่อให้เกิดการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ม. 67 วรรค 2 อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ จากมติของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติที่ตัดบางโครงการออก จากประเภทกิจการรุนแรง 18 ประเภท เช่น เตาเผาขยะติดเชื้อ การผันน้ำข้ามลุ่มน้ำหลัก หรือ การผันน้ำระหว่างประเทศ ยกเว้นกรณีภัยพิบัติหรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศที่เป็นการดำเนินการชั่วคราว และโครงการประตูระบายน้ำในแม่น้ำสายหลัก รวมทั้งไม่เห็นชอบให้กำหนดประเภทโครงการหรือกิจการ ด้านการชลประทานและการสูบน้ำเกลือใต้ดิน เป็นโครงการหรือกิจการที่อาจมีผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพนั้น น่าจะเป็นมติที่เอื้อประโยชน์ต่อนักการเมืองบางคนและเอกชนบางส่วนที่ไม่ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 วรรค 2 เป็นการละเมิดสิทธิของชุมชนและทำลายการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างรุนแรง
อีกทั้ง 76 โครงการในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและใกล้เคียง แม้ศาลปกครองจะมีคำสั่งให้หลายโครงการสามารถดำเนินการต่อไปได้ แต่การจะก่อสร้างโครงการใด ๆ ในพื้นที่ดังกล่าว กลุ่มเอกชนผู้ลงทุนจะต้องคำนึงการมีส่วนร่วมของชุมชน และผลกระทบอันเกิดจากมลพิษที่จะทำลายสภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญมากกว่ามุ่งแสวงหาแต่กำไร เพื่อการดำรงอยู่ร่วมกับระหว่างคนกับทุนอย่างสมดุล