ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป หลังจากมีข่าวว่ารัฐบาลโปรตุเกสสามารถระดมทุนได้จำนวนมากจากการเปิดประมูลพันธบัตร ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยลดแรงกดดันจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพในภาคการธนาคารของยุโรป
ค่าเงินยูโรดีดขึ้น 0.28% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2717 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคาร (7 ก.ย.) ที่ 1.2682 ดอลลาร์ และค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.68% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5465 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5361 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้น 0.08% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 83.870 เยน จากระดับของวันอังคารที่ 83.800 เยน และดีดขึ้น 0.07% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0115 ฟรังค์ จากระดับ 1.0108 ฟรังค์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.70% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9169 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 0.9105 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.49% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7218 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7183 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินยูโรได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่ารัฐบาลโปรตุเกสประสบความสำเร็จในการประมูลพันธบัตรมูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป
ก่อนหน้านี้ค่าเงินยูโรได้รับแรงกดดันอย่างหนักหลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า การทดสอบภาวะวิกฤติของธนาคารในยุโรปนั้น มีการประเมินความเสี่ยงของธนาคารบางแห่งต่ำเกินไปในเรื่องการถือครองพันธบัตรรัฐบาลที่มีความเสี่ยงสูง และสมาคมธนาคารของเยอรมนีระบุว่า ธนาคารขนาดใหญ่อย่างน้อย 10 แห่งของเยอรมนีอาจต้องระดมทุนเพิ่มอีกราว 1.05 แสนล้านยูโร เพื่อให้ตรงตามข้อกำหนดของคณะกรรมการกำกับดูแลภาคการธนาคารของสหภาพยุโรป (CEBS)
ขณะที่เงินปอนด์ทะยานขึ้นหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอังกฤษในเดือนก.ค. ขยายตัวขึ้น 0.3% จากเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ขณะที่อัตราการขยายตัวรายปีเพิ่มเป็น 4.9% ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2537
สำนักงานสถิติเยอรมนีเปิดเผยว่า ยอดส่งออกของเยอรมนีในเดือนก.ค.ลดลง 1.5% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมิ.ย. แต่ยังคงขยายตัวขึ้นแข็งแกร่ง 18.7% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว
โดยยอดส่งออกสินค้าและบริการของเยอรมนีคิดเป็นมูลค่า 8.3 หมื่นล้านยูโร (1.06 แสนล้านดอลลาร์) ในเดือนก.ค. ขณะที่มูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 6.95 หมื่นล้านยูโร ลดลง 2.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน แต่เพิ่มขึ้น 24.9% จากปีที่แล้ว
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.ค. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนก.ค.