นางสาววิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า เวียดนามได้ออกกฎระเบียบใหม่เพื่อควบคุมสุขอนามัยและความปลอดภัยของอาหารที่มีแหล่งกำเนิดจากสัตว์ จำนวน 2 ฉบับ คือ Circular No. 25/2010/TT-BNNPTNT ลงวันที่ 8 เมษายน 2553 และ Circular No. 29/2010/TT-BNNPTNT ลงวันที่ 6 พฤษภาคม 2553 บังคับใช้กับทุกประเทศ ครอบคลุมถึงสินค้าปศุสัตว์สด/แช่เย็น/แช่แข็ง สินค้าประมงและผลิตภัณฑ์ ไข่และผลิตภัณฑ์ และน้ำผึ้ง
ทั้งนี้ เวียดนามถือเป็นตลาดส่งออกสินค้าปศุสัตว์และประมงที่สำคัญของไทย โดยในปี 2552 ไทยส่งออกสินค้าปศุสัตว์และประมงไปเวียดนามมูลค่าประมาณ 3,600 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ1.65 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าดังกล่าวไปทั่วโลก ลดลงจากปี 2551 ร้อยละ 7
สำหรับในปี 2553 (ม.ค. - มิ.ย.) ไทยส่งออกสินค้าปศุสัตว์และประมงไปเวียดนามเป็นมูลค่าประมาณ 1,700 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2552 เพียงร้อยละ 0.7
"เพื่อให้สินค้าไทยสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดและขยายตลาดอาหารไปยังเวียดนามเพิ่มขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบการของไทยจึงควรปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวอย่างเคร่งครัด" นางสาววิบูลย์ลักษณ์ กล่าว
สำหรับระเบียบ Circular No. 25/2010/TT-BNNPTNT มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2553 กำหนดให้สถานประกอบการของไทยต้องได้รับการตรวจสอบรับรองจากหน่วยงานรับผิดชอบของเวียดนาม โดยเบื้องต้นต้องจดทะเบียนกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย และส่งให้หน่วยงานของเวียดนามพิจารณาให้การรับรองหรือส่งเจ้าหน้าที่เดินทางมาตรวจสอบในประเทศไทยในกรณีที่มีความจำเป็น
นอกจากนี้จะต้องมีใบรับรองสุขอนามัย (SPS) ของไทยประกอบการนำเข้าสินค้าแต่ละล็อต และต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐาน ณ ด่านนำเข้า รวมทั้งอาจมีการสุ่มตรวจสินค้าที่วางจำหน่ายในท้องตลาด ซึ่งหากพบว่าสินค้าไม่เป็นไปตามมาตรฐาน อาจถูกส่งกลับหรือถูกทำลายได้ โดยผู้ส่งออก/ผู้นำเข้าเป็นผู้รับภาระด้านค่าใช้จ่าย
ส่วนระเบียบ Circular No. 29/2010/TT-BNNPTNT มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2553 กำหนดปริมาณสารเคมีตกค้างและเชื้อจุลินทรีย์ที่อนุญาตให้มีได้ในสินค้า โดยจำแนกตามพิกัดศุลกากรไว้อย่างชัดเจน เช่น ในสินค้าสัตว์ปีก (พิกัดฯ 0207) อนุญาตให้ใช้สาร Carbosulfan ได้ไม่เกิน 0.05 mg/kg เป็นต้น