ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: วิตกเสถียรภาพภาคธนาคารยุโรป กดยูโรอ่อนค่าเทียบดอลล์

ข่าวต่างประเทศ Friday September 10, 2010 07:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพในภาคธนาคารของยุโรป รวมถึงกรณีการประเมินความเสี่ยงของธนาคารบางแห่งในยุโรปที่ต่ำเกินจริง และข่าวธนาคารดอยช์แบงค์เตรียมระดมทุนผ่านการขายหุ้น ขณะที่เงินเยนค่อนข้างทรงตัวเนื่องจากความไม่แน่นอนที่ว่าทางการญี่ปุ่นจะเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อสกัดการแข็งค่าของเงินเยนหรือไม่

ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลง 0.13% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2704 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธ (8 ก.ย.) ที่ 1.2720 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ดิ่งลง 0.23% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5436 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5471 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.08% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 83.800 เยน จากระดับของวันพุธที่ 83.870 เยน และดีดตัวขึ้น 0.40% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0148 ฟรังค์ จากระดับ 1.0108 ฟรังค์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดิ่งลง 0.49% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9233 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 0.9188 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดตัวขึ้น 0.24% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7250 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7233 ดอลลาร์สหรัฐ

นักลงทุนยังคงขาดความเชื่อมั่นในสกุลเงินยูโร อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพในภาคธนาคารของยุโรป นับตั้งแต่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า ในการทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test) ของธนาคาร 91 แห่งในยุโรปเมื่อวันที่ 23 ก.ค.นั้น มีธนาคารบางแห่งถือครองตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงของรัฐบาลในระดับที่ต่ำเกินไป

ขณะที่สมาคมธนาคารของเยอรมนีระบุว่า ธนาคารขนาดใหญ่อย่างน้อย 10 แห่งของเยอรมนีอาจต้องระดมทุนเพิ่มอีกราว 1.05 แสนล้านยูโร เพื่อให้ตรงตามข้อกำหนดของคณะกรรมการกำกับดูแลภาคการธนาคารของสหภาพยุโรป (CEBS)

นอกจากนี้มีรายงานว่า ธนาคารดอยช์ แบงค์ กำลังพิจารณาเรื่องการระดมทุนเพิ่มโดยผ่านการขายหุ้น ซึ่งข่าวดังกล่าวยิ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของธนาคารในยุโรปมากขึ้น

ดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 4 ก.ย. ร่วงลง 27,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 451,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน และยอดขาดดุลการค้าเดือนก.ค.ของสหรัฐ ลดลง 14% มาอยู่ที่ระดับ 4.28 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากยอดนำเข้าสินค้าร่วงลง ในขณะที่ยอดส่งออกพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551 ซึ่งทำให้นักวิเคราห์เชื่อว่าการลดลงของยอดขาดดุลการค้าอาจหนุนเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวได้ดีในไตรมาส 3 ปีนี้

เงินปอนด์อ่อนตัวลงหลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุด 0.5% เป็นเดือนที่ 18 ติดต่อกัน ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ แม้จะเริ่มมีเสียงเรียกร้องให้ธนาคารขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อก็ตาม

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งแกร่งขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า อัตราว่างงานเดือนส.ค.ของออสเตรเลียอยู่ที่ระดับ 5.1% ลดลง 0.2% จากเดือนก.ค.ที่ระดับ 5.3% ส่วนตัวเลขการจ้างงานพนักงานเต็มเวลาในเดือนส.ค.อยู่ที่ 53,100 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นสถิติการจ้างงานรายเดือนที่มากที่สุดในรอบกว่า 2 ปี

เงินเยนเคลื่อนไหวค่อนข้างทรงตัวเนื่องจากเนื่องจากความไม่แน่นอนที่ว่าทางการญี่ปุ่นจะเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อสกัดการแข็งค่าของเงินเยนหรือไม่ หลังจากมีรายงานข่าวที่ขัดแย้งกันว่านายโยชิฮิโกะ โนดะ รมว.คลังญี่ปุ่นกล่าวว่า ทางกระทรวงกำลังทำสถานการณ์จำลองการแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยน แต่นายมาซาอากิ ชิราคาวะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) กล่าวว่า เขาไม่ได้หารือเรื่องค่าเงินและนโยบายการเงินในการประชุมของรัฐบาล


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ