กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยในรายงาน "Global Economic Prospects and Policy Challenges" ว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกอาจจะชะลอตัวลงเนื่องจากภาวะอ่อนแอในภาคการเงิน
"ความเสี่ยงที่เกิดจากหนี้สาธารณะของหลายประเทศ ประกอบกับภาวะอ่อนแอในภาคการเงินของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว จะส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างมาก" ไอเอ็มเอฟกล่าว
ไอเอ็มเอฟเตือนว่า แม้ภาวะผันผวนในตลาดการเงินทั่วโลกลดน้อยลงไปบ้างในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังอยู่ในภาวะที่เปราะบางมาก นอกจากนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ยังคงเผชิญกับภาวะที่ไม่แน่นอน ขณะที่ตัวเลขจ้างงานและอัตราการอุปโภคบริโภคในประเทศกลุ่มนี้ยังคงซบเซา แม้มีสัญญาณบ่งชี้ว่าอัตราการลงทุนเริ่มฟื้นตัวขึ้นก็ตาม
ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟเตือนว่าวิกฤตหนี้สาธารณะได้ทำให้ความเสี่ยงด้านการเงินเพิ่มขึ้นด้วย พร้อมกับแนะนำให้รัฐบาลทั่วโลกเร่งกอบกู้ความเชื่อมั่นของสาธารณะชน
นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟกล่าวว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ได้รับแรงหนุนจากดีมานด์ภายในประเทศและการค้าโลกที่ฟื้นตัวขึ้น ส่วนประเทศยักษ์ใหญ่ในเอเชีย รวมถึงจีน อินเดีย และอินโดนีเซีย ยังคงเป็นเสาหลักสำคัญในการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ก่อนหน้านี้ ไอเอ็มเอฟได้ออกรายงานปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้เป็น 4.5% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนเม.ย.ว่าจะขยายตัวเพียง 4.1% พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐเป็น 3.3% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 2.7% ส่วนแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจยุโรปที่ใช้สกุลเงินยูโร ยังคงทรงตัวที่ระดับ 1% สำนักข่าวซินหัวรายงาน