อาลีบาบา (Alibaba) เตรียมลบบทบาทการเป็นคู่แข่งในธุรกิจอีคอมเมิร์ซกับอีเบย์ (eBay) หลังหัวเรือใหญ่ของบริษัททั้งสองเล็งเห็นถึงผลประโยชน์ที่ต่างฝ่ายจะได้รับผ่านการให้ความร่วมมือระหว่างกันในอนาคต ภายใต้เป้าหมายการรุกครองตลาดซื้อขายสินค้าออนไลน์ทั่วโลก
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ศึกระหว่างสองบริษัทได้เริ่มต้นขึ้น เมื่ออาลีบาบาบีบอีเบย์ออกจากตลาดจีนในปี 2549 ด้วยการหั่นค่าคอมมิชชั่นเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดในประเทศ จากนั้นการแข่งขันก็ร้อนแรงยิ่งขึ้น โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา อาลีบาบาได้เข้าซื้อบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับอีเบย์สองแห่ง ได้แก่ Auctiva ซึ่งเป็นบริษัทที่พัฒนาซอฟต์แวร์ด้านการจัดการการประมูลสินค้าให้กับอีเบย์ และ Vendio ซึ่งให้ผู้จัดหาบริการให้แก่อีเบย์
อย่างไรก็ดี ล่าสุด ผู้บริหารใหญ่ของอาลีบาบาและอีเบย์ได้แสดงท่าทีที่จะหันมาจับมือร่วมมือกันในอนาคตอันใกล้
แจ็ค หม่า ประธานและผู้ก่อตั้ง อาลีบาบา กรุ๊ป เจ้าของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซรายใหญ่ที่สุดของจีนกล่าวในการประชุมที่มีนักธุรกิจในตลาดออนไลน์เข้าร่วมงานกว่า 200,000 คนว่า "ทุกคนต่างรู้ดีว่าอาลีบาบาและอีเบย์ต่างเป็นคู่แข่งกัน แต่เรามีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ การให้บริการสำหรับภาคธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งนี่คือรากฐานความร่วมมือของเรา"
ขณะเดียวกัน จอห์น โดนาโฮ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของอีเบย์กล่าวว่า "เราควรหันหน้ามาร่วมมือกันเพื่อดำเนินธุรกิจที่ดีขึ้น มากกว่าที่จะมาแข่งขันกันเอง"
ทั้งนี้ หม่าเปิดเผยว่า อีเบย์อาจช่วยให้บรรดาพ่อค้าแม่ขายในเว็บไซต์อาลีบาบาดอทคอม ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่เปิดโอกาสให้ผู้ส่งออกขนาดกลางและขนาดย่อมวางจำหน่ายสินค้าออนไลน์แก่ผู้ซื้อทั่วโลกนั้น สามารถขายสินค้าให้แก่กิจการประเภท business-to-business ได้ เนื่องจากอีเบย์มีเครือข่ายการขายที่กว้างขวางในสหรัฐอเมริกาและยุโรป นอกจากนี้ ผู้ใช้อีเบย์ก็อาจกลายเป็นลูกค้าของอาลีบาบาได้ด้วยเช่นกัน
ด้านโดนาโฮก็กล่าวในทำนองเดียวกับนายหม่าว่า อีเบย์เป็นตลาดออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศจีน ด้วยยอดผู้ขายสินค้า 25 ล้านคน และผู้ซื้อสินค้า 92 ล้านคนที่เข้ามาซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าในแต่ละวัน และเขาเชื่อว่า อีเบย์จะสามารถช่วยให้ผู้ใช้ของอาลีบาบาเพิ่มยอดขายได้ทั่วโลก
เขากล่าวว่า ที่จริงแล้ว ผู้ใช้อีเบย์จำนวนมากก็เริ่มซื้อของจากเว็บอาลีบาบาดอทคอมอยู่แล้ว ซึ่งการหันมาผนึกกำลังกันจะช่วยให้ลูกค้าจับจ่ายซื้อสินค้าในตลาดออนไลน์ได้สะดวกสบายมากขึ้น
ด้านนักวิเคราะห์กล่าวว่า การหารือเรื่องความร่วมมือระหว่างยักษ์ใหญ่ในธุรกิจอีคอมเมิร์ชทั้ง 2 รายนี้สะท้อนให้เห็นว่า พวกเขาต่างมีแผนยุติบทบาทการเป็นคู่แข่งต่อกันมานับศตวรรษ ด้วยการหันมาใช้กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่จะทำให้ทั้งคู่มีแต่ได้กับได้
โดยก่อนหน้านี้ อาลีบาบาได้นำร่องแผนดังกล่าวด้วยการเปิดตัว AliExpress ซึ่งเป็นบริการออนไลน์ที่ให้ผู้ซื้อสามารถสั่งซื้อสินค้าปริมาณน้อยๆจากผู้ส่งออกได้โดยตรง และยังเปิดรับผู้ใช้บริการ PayPal ของอีเบย์ด้วย ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าบนเว็บไซต์แห่งใหม่ของอาลีบาบาสามารถขายสินค้าให้กับผู้ใช้บริการ Paypal ได้เกือบ 100 ล้านราย และช่วยให้ผู้ให้บริการ Paypal มีทางเลือกใหม่ๆ ในการซื้อสินค้ามากขึ้น
สำหรับบริการของ Auctiva ที่อาลีบาบาซื้อมาเมื่อต้นปีนั้นจะช่วยให้ตลาดออนไลน์ของอาลีบาบามีความสมบูรณ์แบบ ขณะที่การเปิดตัวเว็บไซต์ AliExpress จะช่วยให้ผู้ซื้อได้เห็นรายชื่อผลิตภัณฑ์บนอีเบย์ด้วย และการควบรวมกิจการในครั้งนี้ทำให้อาลีบาบามีลูกค้าใหม่กว่า 250,000 คน
เดวิด เหว่ย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของอาลีบาบากล่าวว่า ยอดขายรายปีสำหรับกลุ่มลูกค้าใหม่กว่า 250,000 คนนี้พุ่งทะลุ 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของยอดขายสินค้าใหม่ต่อปีของอีเบย์
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์กล่าวว่า การซื้อกิจการดังกล่าวจะส่งผลดีอย่างมหาศาลในอนาคต เนื่องจากอาลีบาบาจะได้เรียนรู้พฤติกรรมของลูกค้าเพื่อนำมาปรับใช้กับความต้องการกับลูกค้าของพวกเขาเองได้
ทั้งนี้ ซีอีโอของอาลีบาบาเสริมว่า สำหรับการซื้อกิจการต่างประเทศของอาลีบาบายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งเราตั้งเป้าไว้ว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า อาลีบาบาจะก้าวขึ้นเป็นตลาดซื้อขายออนไลน์สำหรับผู้ซื้อขายสินค้าทั่วโลก