นายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป กล่าวในฐานะตัวแทนผู้ว่าการธนาคารกลางทั่วโลกหลังจากเป็นประธานงานประชุม Global Economy Meeting ที่เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันนี้ว่า เขาเชื่อมั่นว่าทางการสหรัฐจะสามารถทำตามกฎเกณฑ์ของคณะกรรมการบาเซิลในการกำกับดูแลด้านการธนาคาร
"ผมมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าทางการสหรัฐให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และรัฐบาลทั่วโลกก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ด้วย เพื่อที่จะดำเนินการตามมาตรฐานของคณะกรรมการบาเซิล" ทริเชต์กล่าว
คณะกรรมการบาเซิลด้านการกำกับดูแลภาคการธนาคาร มีมติให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มการดำรงเงินกองทุนคุณภาพสูงสุด หรือกองทุนขั้นที่ 1 (Tier 1 capital) ตามเกณฑ์บาเซิล 3 (Basel III) เป็น 7% ของสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันที่กำหนดไว้เพียง 2% โดยมีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตการณ์การเงินในอนาคต และเพื่อสร้างความมั่นใจว่าธนาคารจะมีเงินทุนเพียงพอในการต้านทานภาวะวิกฤตโดยไม่ต้องนำเงินภาษีราษฎรมาใช้ในการแก้ไขปัญหาด้านการเงินเหมือนกับที่ผ่านมา
นอกเหนือจากการดำรงกองทุนขั้นที่ 1 แล้ว คณะกรรมการบาเซิลยังกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มเม็ดเงินในทุนสำรองกันชน (capital conservation buffer) เป็น 2.5% ของสินทรัพย์ เพื่อให้ธนาคารสามารถต้านทานภาวะวิกฤตในอนาคตได้ ซึ่งหากธนาคารพาณิชย์รายใดไม่สามารถเพิ่มเงินในกองทุนกันชนได้ตามกำหนด ก็จะต้องเผชิญกับข้อจำกัดในการจ่ายเงินปันผลหรือโบนัส หรืออาจจะต้องระงับการจ่ายเงินปันผล
"การตัดสินใจของคณะกรรมการบาเซิลถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธนาคารพาณิชย์ เมื่อเราอยู่ในเศรษฐกิจที่มีการเชื่อมโยงกันทั่วโลก ทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเงิน เราก็ต้องมีการกำหนดมาตรฐานให้อยู่ในระดับเดียวกันด้วย" ทริเชต์กล่าว