ไชน่า ซิเคียวริตีส์ เจอร์นัล เผยบทสัมภาษณ์นักวิเคราะห์ที่มองว่า จีนยังไม่มีแนวโน้มที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้ แม้ว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) อาจจะดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในไตรมาส 3 เพราะการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะช่วยผ่อนคลายการคาดการณ์เรื่องเงินเฟ้อได้ในระดับหนึ่งก็จริง แต่ขณะเดียวกันก็อาจจะสกัดการขยายตัวของเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน
นักวิเคราะห์มองว่า การขยายตัวของดัชนี CPI ของจีนนั้น เป็นผลมาจากราคาอาหารที่ปรับตัวขึ้น โดยอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอาจจะไม่ได้ช่วยชะลอช่วงขาขึ้นของราคาอาหารได้ ดังนั้นจีนจึงยังไม่มีแนวโน้มที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้
เติ้ง ไถ่ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของหมินเชิง ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า อัตราการขยายตัวของผลผลิตภาคอุตสาหกรรม การลงทุน และการบริโภคของจีน ชะลอตัวลง และการขยายตัวของการส่งออกก็อาจจะมีแรงกดดันเข้ามาในเร็วๆนี้ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่บ่งชี้ว่า แนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงยังคงมีอยู่ ดังนั้น ธนาคารกลางจีนจึงควรจะระมัดระวังเกี่ยวกับการปรับอัตราดอกเบี้ย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ราคาอาหารของจีนเพิ่มขึ้น 7.5% ส่งผลให้ดัชนี CPI เดือนส.ค.สูงขึ้น เติง กล่าวว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะไม่ได้ช่วยทำให้ราคาอาหารปรับตัวลง
ทางด้านเฉิน เตาฟู เจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยและพัฒนาของคณะรัฐมนตรีจีน คาดการณ์ว่า การขยายตัวของราคาอาจจะชะลอตัวลงในเร็วๆนี้ สำหรับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อนั้น เขาแนะนำให้มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
ทางด้านจู เจียนฟาง นักวิเคราะห์จากซิติค ซิเคียวริตีส์ คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ปีนี้ อาจจะอยู่ที่ระดับสูงสุดในไตรมาส 3 และจะชะลอตัวลงในไตรมาส 4 เขามองว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบต่อราคาอาหารในระดับที่จำกัดเท่านั้น และคาดการณ์ว่า ดัชนี CPI เดือนก.ย.จะอยู่ใกล้กับระดับ 3.5% ในเดือนส.ค. และการขยายตัวของดัชนีราคาผู้ผลิตในเดือนก.ย.อาจจะสูงกว่าเดือนส.ค.