สำนักงานสถิติเยอรมนี เปิดเผยว่า การส่งออกของเยอรมนีในครึ่งปีแรกขยายตัว 17.1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หลังได้รับคำสั่งซื้อจากประเทศกำลังพัฒนาเพิ่มขึ้น
โดยข้อมูลล่าสุดของสำนักงานสถิติระบุว่า การส่งออกไปยังประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายนขยายตัว 12.0% สู่ระดับ 2.798 แสนล้านยูโร (3.582 แสนล้านดอลลาร์) ในขณะที่การส่งออกไปยังประเทศนอกกลุ่มอียูพุ่ง 26.2%
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่า การส่งออกซึ่งเป็นเสาหลักสำคัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเยอรมนี ได้รับแรงหนุนจากประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่เช่นจีนและบราซิล ในช่วงที่เกิดภาวะวิกฤติการเงินโลกและภาวะเศรษฐกิจถดถอยซึ่งเริ่มขึ้นในปี 2551
ตัวเลขสำนักงานสถิติระบุว่า บริษัทเยอรมันมียอดขายในจีนเพิ่มขึ้น 55.5% ในครึ่งแรกปี 2553 ทั้งในส่วนของสินค้าและการบริการ เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีมูลค่าการค้าสูงถึง 2.52 หมื่นล้านยูโร
ในขณะเดียวกัน การส่งออกไปยังบราซิลของเยอรมนีพุ่งทะยาน 61.3% สู่ระดับ 5 พันล้านยูโร และการส่งออกไปยังตุรกีขยายตัว 38.8% สู่ระดับ 7.3 พันล้านยูโร ส่วนเปรียบเทียบสัดส่วนการส่งออกไปยังทวีปยุโรป การส่งออกไปยังโปรตุเกสและสวีเดนมีสัดส่วนการขยายตัวที่แข็งแกร่งที่ 26.5% และ 25.1% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วนเชื่อว่าการส่งออกที่แข็งแกร่งของเยอรมันอาจจะลดลงในครึ่งปีหลัง เนื่องจากกิจกรรมการค้าและการผลิตในตลาดโลกชะลอตัวลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดสหรัฐและตลาดเอเชีย
ทั้งนี้ กระทรวงเศรษฐศาสตร์และเทคโนโลยีของเยอรมี เปิดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า คำสั่งซื้อของโรงงานในเยอรมนีจะหดตัว 2.2% ในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากคำสั่งซื้อจากต่างประเทศลดลง 3.7% ในเดือนดังกล่าว
นอกจากนี้ ยอดการนำเข้าของเยอรมนีอาจขยายตัว 15.0% สู่ระดับ 3.836 แสนล้านยูโรในช่วง 6 เดือนแรกของปี โดยจีนเป็นผู้ส่งออกมายังเยอรมนีรายใหญ่สุดตามด้วยเนเธอร์แลนด์
ส่วนยอดการนำเข้าจากจีนของเยอรมนีแตะระดับ 3.46 หมื่นล้านยูโร พุ่ง 35.6% เมื่อเทียบเป็นราย สำนักข่าวซินหัวรายงาน