ทางการจีนชี้อานิสงส์จากใช้มาตรการอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน (5.954 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ช่วยหนุนให้จีนมียอดการจ้างงานราว 22 ล้านตำแหน่ง นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลก
หยิน เว่ยหมิน รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และความมั่นคงของจีนกล่าวในการประชุมรัฐมนตรีด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของกลุ่มประเทศความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (เอเปค) ครั้งที่ 5 ว่า รัฐบาลจีนมองว่าการขยายตัวด้านการจ้างงานเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาด้านสังคมและเศรษฐกิจ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในช่วงปลายปี 2551 รัฐบาลจีนได้เริ่มใช้มาตรการต่างๆ ในการกระตุ้นอุปสงค์และผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยมาตรการดังกล่าวครอบคลุมระยะเวลา 2 ปี และมีมูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้น 4 ล้านล้านหยวน ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่การรักษาระดับการจ้างงานและสร้างงานใหม่
โดยรัฐบาลจีนได้ช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการต้องแบกภาระในการดูแลลูกจ้าง ด้วยการอนุญาตให้ผู้ประกอบการเหล่านี้สามารถยืดเวลาการชำระค่าประกันสังคม ขณะที่รัฐบาลได้เพิ่มการจัดสรรเบี้ยประกันสังคมสำหรับภาคธุรกิจเหล่านี้ซึ่งครอบคลุมบริษัทต่างๆ กว่า 1.6 ล้านแห่งในปี 2552 เพื่อช่วยเหลือพนักงาน 60 ล้านตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม หยิน เว่ยหมินกล่าวว่า จีนกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหม่ในช่วงที่ตลาดแรงงานฟื้นตัว โดยฉพาะแรงกดดันด้านการจ้างงานสำหรับคนหนุ่มสาวที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มผู้หางานในเมืองเริ่มเข้าสู่ตลาดแรงงานเป็นครั้งแรก ขณะที่หนุ่มสาวชาวจีนในชนบทก็ต้องการเข้ามาหางานทำในเมืองด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ด้านทรัพยากรมนุษย์จากกลุ่มประเทศสมาชิกเอเปค 21 แห่งได้เข้าร่วมประชุมกันในวันนี้ เพื่อหารือถึงแนวทางการแก้ปัญหาวิกฤตการเงินโลกและตระหนักถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจร่วมกัน