นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ตามที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง ตามที่กรมสรรพสามิตได้ขอความเห็นชอบในการยกเว้นภาษีสรรพสามิต โดยยกเว้นการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตแบตเตอรี่ ที่ใช้เป็นวัตถุดิบหรือส่วนประกอบผลิตสิ่งของอื่นเพื่อการส่งออกนอกราชอาณาจักร ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ประมาณปีละ 333 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ถือว่าคุ้มค่าเพราะช่วยให้ผู้ประกอบการภายในประเทศที่ผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกมีศักยภาพในการแข่งขันเพิ่มขึ้น รวมถึงช่วยลดภาระต้นทุนของผู้ประกอบการ และสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นฐานในการผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกมากยิ่งขึ้น
ในรอบ 11 เดือน ของปีงบประมาณ 2553 (ตุลาคม 2552-สิงหาคม 2553) กรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีจากแบตเตอรี่ได้รวม 1,223.22 ล้านบาท แยกเป็นแบตเตอรี่ที่ใช้ในรถยนต์ จำนวน 987.57 ล้านบาท แบตเตอรี่ที่ใช้ในรถจักรยานยนต์ จำนวน 84.39 ล้านบาท แบตเตอรี่ที่ใช้ในถ่านไฟฉาย จำนวน 143.92 ล้านบาท แบตเตอรี่ที่ใช้ในโทรศัพท์ จำนวน 2.79 ล้านบาท และแบตเตอรี่ประเภทอื่นๆ จำนวน 4.56 ล้านบาท