นายกอร์ปศักดิ์ สภาวุสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีแนวทางที่จะจัดเวทีเสวนาออกรายการโทรทัศน์ และเชิญหน่วยงานจากภาครัฐ เอกชน และประชาชน อาทิ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการปฏิบัติตามมาตรา 67 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญ เพื่อแก้ไขปัญหานิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด มีคณะกรรมการ 4 ฝ่าย รวมถึงชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ อ.มาบตาพุด จ.ระยอง มาร่วมพูดคุยกันในกรณีรายละเอียดของโครงการมาบตาพุดที่เข้าข่าย 11 ประเภทโครงการรุนแรง เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ยังคงไม่เข้าใจ
การทำการประชาสัมพันธ์กับประชาชนคงต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพราะท้ายที่สุดแล้วปัญหาเรื่องสุขภาพของประชาชนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด และส่วนที่เดือดร้อนที่สุดก็คือบริเวณมาบตาพุด เพราะเป็นจุดที่มีโรงงานอุตสาหกรรมมากที่สุด ซึ่งนายกฯได้แต่งตั้งตั้งคณะกรรมการประสานงาน และขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติครม.(ปคค.) เร่งรัดติดตามการดำเนินงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาในมาบตาพุด เพื่อหาข้อสรุปในเรื่องปัญหาการควบคุมมลพิษ และปัญหาเรื่องผังเมืองจากคณะกรรมการ 4 ฝ่าย
สำหรับกรณีที่คณะกรรมการ 4 ฝ่าย ขอให้รัฐบาลชี้แจงการปรับเปลี่ยนการออกประกาศ 11 ประเภทโครงการรุนแรง จากเดิมที่คณะกรรมการ 4 ฝ่ายได้เสนอต่อรัฐบาลให้ออกประกาศ 18 ประเภทโครงการรุนแรง เป็นลายลักษณ์อักษรนั้น คงต้องรอให้มีข้อสรุป จากนั้นจะทำหนังสือชี้แจงรายละเอียดไปยัง นายอานันท์ ปันยารชุน ประธานคณะกรรมการ 4 ฝ่ายเพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน
ขณะที่ ช่วงเย็นวันนี้ นางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) จะเข้าพบนายอานันท์ ปันยารชุน เพื่อขอคำปรึกษาเรื่องโครงการหรือกิจการที่อาจส่งผลกระทบรุนแรง 11 ประเภทที่บ้านพิษณุโลก