นายธราดล เปี่ยมพงศ์สานต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ว่า ที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นหน่วยงานหลัก ในการพิจารณามาตรการเร่งด่วนและมาตรการเสริมเพิ่งส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมพลาสติกชีวิภาพในประเทศไทย ของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และให้นำกลับมาเสนอคณะกรรมการ กรอ.ภายใน 2 เดือน
โดยประเด็นที่ควรให้ความสำคัญ ได้แก่ ความสมดุลระหว่างการนำวัตถุดิบทางการเกษตรเพื่อเป็นอาหารรวมทั้งเพื่ออุตสาหกรรมอื่น รวมทั้งพลาสติกชีวภาพ
นอกจากนี้ การวิจัยและพัฒนาควรมีทิศทางอย่างไรในการสนับสนุนอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ เพราะพลาสติกชีวภาพทำจากวัตถุดิบการเกษตรซึ่งสามารถก่อให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มได้สูงมาก ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยสามารถใช้โอกาสเพื่อเป็นผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมนี้ให้ได้ ทั้งนี้ มีการศึกษาว่าการลงทุนเริ่มต้น 10,000 ล้านบาท จะสามารถก่อให้เกิดรายได้ต่อภาครัฐประมาณ 5,000 ล้านบาท
พืชเกษตรหลัก โดยเฉพาะมันสำปะหลังหรือยางพารา ประเทศไทยมีองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าที่สามารถทำเป็น eco product หรือ zero waste ได้ สามารถดำเนินการอย่างครบวงจร และตอบคำถามเกี่ยวกับ climate change หรือ eco product ได้ นับว่าเป็นโอกาสสำหรับประเทศไทยทั้งในด้านความหลากหลายของพืชเกษตรและ Logistics โดยควรจัดทำให้เสร็จภายใน 1-2 เดือนและมีเจ้าภาพให้ชัดเจน
ข้อกังวลเกี่ยวกับการแย่งชิงวัตถุดิบระหว่างพืชอาหารและพลังงานระดับอุตสาหกรรมในอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพมีความต้องการใช้วัตถุดิบประมาณร้อยละ 2 ของปริมาณวัตถุดิบทั้งหมด ซึ่งจะไม่กระทบต่อภาพรวมความต้องการใช้พืชทางเกษตร
นอกจากนี้ ที่ประชุม กรอ.ได้มอบหมายให้ผู้แทนการค้าไทยเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการส่งเสริมธุรกิจวิชาชีพทางวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมออกสู่ตลาดต่างประเทศ โดยใช้กลไกของคณะกรรมการด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศที่ นายกรัฐมนตรีได้ลงนามแต่งตั้งเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์ภาพรวมและดำเนินการขับเคลื่อนต่อไป
นายธราดล กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้มีการหารือถึงผลการสัมมนาเรื่อง"Thailand's Invesment Environment Lookinf Forward"ที่ กกร. ได้ร่วมกับหอการค้าต่างประเทศจัดขึ้น เพื่อกระตุ้นการลงทุน สร้างสมรรถนะทางเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งที่ประชุม กรอ.มีความเห็นเพิ่มเติมให้ภาคเอกชนเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาสังคมมากขึ้น
นอกจากนี้จะมีการประชุม International Anti Corruption ขึ้นในประเทศไทยในช่วงสิ้นปีนี้ เพื่อผลักดันในเรื่องการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น รัฐบาลพร้อมที่จะให้สัตยาบันในเรื่องการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น และจะออกกฎหมายลูกตามมา