นักวิจัยจากญี่ปุ่นกล่าวว่า จีนมีความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างโดดเด่นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะตามประเทศที่พัฒนาแล้วทัน
อิซูมิ ฮาราดะ สมาชิกอาวุโสของสถาบันศึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของญี่ปุ่น (Japan Institute for International Socio-Economic Studies) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า จีนไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกเพราะพึ่งพาตลาดในประเทศและกำลังการผลิตที่แข็งแกร่งเป็นหลัก ขณะเดียวกันบริษัทจีนหลายแห่งก็สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ในระยะเวลาอันสั้นจนแม้แต่ประเทศพัฒนาแล้วยังต้องอิจฉา และผลิตภัณฑ์ใหม่เหล่านั้นก็ทำซ้ำได้ง่ายมากในประเทศจีน
แต่เมื่อพิจารณาในแง่ของนวัตกรรมแล้ว จีนยังอ่อนด้อยมาก
นายฮาราดะกล่าวว่า เขาได้พบกับนักธุรกิจรุ่นใหม่หลายคนในย่านจงกวนชุนซึ่งตั้งอยู่ในมณทลปักกิ่ง ซึ่งเปรียบเหมือน "ซิลิคอนวัลลีย์" ของจีน รวมถึงในเมืองผู่ตงซึ่งตั้งอยู่ในมณทลเซี่ยงไฮ้ และพบว่าผลิตภัณฑ์ส่วนมากของผู้ประกอบธุรกิจเป็นการทำเลียนแบบผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาโดยประเทศที่พัฒนากว่า ไม่ได้เป็นนวัตกรรมของตนเองจริงๆ
"ซิลิคอนวัลลีย์ไม่ได้แข็งแกร่งเพราะเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรมเทคโนโลยีระดับโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะว่าสามารถพัฒนานวัตกรรมได้อย่างรวดเร็วกว่าที่อื่นในโลกด้วย" นายฮาราดะ กล่าว
รัฐบาลกลางของจีนตระหนักถึงความสำคัญของนวัตกรรมและได้ริเริ่มโครงการเพื่อกระตุ้นให้บุคคลที่มีพรสวรรค์ไปทำงานหรือศึกษายังต่างประเทศและกลับมาพัฒนาประเทศ จนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าโครงการดังกล่าวจะประสบความสำเร็จหรือไม่
"หัวใจของความสำเร็จของซิลิคอนวัลลีย์คือการสร้างสภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรมที่ผู้คนทุกเชื้อชาติ เพศ วัย และศาสนา สามารถแข่งขันกันได้อย่างเป็นธรรม และทุกคนมีโอกาสเท่ากันในการประสบความสำเร็จ นี่เป็นวัฒนธรรมที่เคารพความเป็นคนของทุกคน" นายฮาราดะ กล่าว
เขากล่าวว่ากุญแจสำคัญที่จะทำให้เกิดนวัตกรรมคือ เทคโนโลยี พรสวรรค์ และความอดทน
"เขตจงกวนชุนของปักกิ่งและผู่ตงของเซี่ยงไฮ้มีคุณสมบัติ แต่ก็ในมาตรฐานของจีนเท่านั้น" นายฮาราดะกล่าว "จีนต้องก้าวข้ามอุปสรรคอีกมากมายจึงจะสามารถเป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมอย่างซิลิคอนวัลลีย์ได้" สำนักข่าวซินหัวรายงาน