นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ยอดการจดทะเบียนธุรกิจในเดือนส.ค.53 ว่า มีผู้ประกอบธุรกิจขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เป็นนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด ทั่วประเทศ 4,447 ราย มีเงินทุนจดทะเบียน 17,530 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนส.ค.52 มีจำนวน 3,762 ราย เพิ่มขึ้น 685 ราย หรือเพิ่มขึ้น 18% และเมื่อเทียบกับเดือนก.ค.53 มีการจดทะเบียนทั่วประเทศ 3,825 ราย เพิ่มขึ้น 622 ราย หรือเพิ่มขึ้น 16% โดยนิติบุคคลจดทะเบียนจัดตั้งสูงสุด 3 อันดับแรก คือ บริการนันทนาการ (ตัวแทนสลากกินแบ่งรัฐบาล) 546 ราย ก่อสร้างอาคารทั่วไป 413 ราย และอสังหาริมทรัพย์ 191 ราย
สำหรับนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกทั่วประเทศ ในเดือนส.ค.53 มี 1,182 ราย เมื่อเทียบกับเดือนส.ค.52 ซึ่งมีจำนวน 1,247 ราย ลดลง 65 ราย หรือลดลง 5% และเมื่อเทียบกับเดือนก.ค.53 มีการจดทะเบียนเลิกทั่วประเทศ 1,244 ราย ลดลง 62 ราย หรือลดลง 4% โดยนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ การก่อสร้างอาคารทั่วไป 144 ราย อสังหาริมทรัพย์ 70 ราย และบริการด้านธุรกิจอื่นๆ 41 ราย
"การจดทะเบียนทำธุรกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้น และการเลิกกิจการที่ลดลง แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจน ทำให้คนกล้าลงทุนเพิ่ม และยังแสดงให้เห็นว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทำมาถูกทาง จนคนมีความมั่นใจ ส่วนในเดือนต่อไป แนวโน้มการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ คาดว่าจะเพิ่มมากขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ"นายอลงกรณ์ กล่าว
นอกจากนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เตรียมนำระบบบริการเริ่มต้นธุรกิจ ณ จุดเดียว (ทรีอินวัน) มาใช้ ซึ่งสามารถขอเพียง 1 ได้ถึง 3 คือ ได้เลขทะเบียนนิติบุคคล เลขประจำตัวผู้เสียภาษี และเลขบัญชีนายจ้าง ทำให้ประหยัดเวลาจากเดิมที่ต้องใช้ถึง 4 วัน เหลือเพียงแค่ 90 นาทีเท่านั้น ซึ่งจะขยายการให้บริการทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้