นายคิม ชอง ซู ผู้ว่าการธนาคารกลางเกาหลีใต้ กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า ญี่ปุ่นไม่สามารถสกัดกั้นการแข็งค่าของเงินเยนได้เพียงลำพัง เพราะโดยหลักการแล้วการที่ประเทศใดประเทศหนึ่งเข้าแทรกแซงตลาดด้วยการสกัดการแข็งค่าของสกุลเงินนั้น จะให้ผลในกรอบที่จำกัดเท่านั้น
ทั้งนี้ นายคิมกล่าวว่า ญี่ปุ่นไม่สามารถแก้ปัญหาการแข็งค่าของเงินเยนได้เพียงลำพัง แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากประเทศอื่นๆ รวมถึงจีนและสหรัฐ นอกจากนี้ ญี่ปุ่นจะต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากญี่ปุ่นมีอุสาหกรรมส่งออกเป็นรายได้หลัก การดำเนินการใดๆเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนเพียงลำพังจะทำให้ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆได้รับผลกระทบไปด้วย
นอกจากนี้ นายคิมกล่าวว่า เกาหลีใต้ยังไม่มีมาตรการใดๆเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนี้ แม้เงินเยนที่ร่วงลงไปมากกว่า 3% ส่งผลให้มูลค่าของพันธบัตรญี่ปุ่นที่เกาหลีใต้ถือครองอยู่นั้น หดตัวลงไปด้วยก็ตาม
รัฐบาลญี่ปุ่น และธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ตัดสินใจใช้เงิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราในช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยการเทขายเงินเยนและทุ่มซื้อดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการแทรกแซงตลาดครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปี โดยมีเป้าหมายหลักคือการฉุดรั้งเงินเยนให้อ่อนค่าลง หลังจากการแข็งค่าของเงินเยนได้สร้างความวิตกกังวลในวงกว้างว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมและทำให้ผลกำไรในตลาดต่างประเทศของบริษัทญี่ปุ่นหดตัวลงด้วย
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางกลุ่มคาดว่า เงินเยนยังคงมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นอีก ขณะที่นักลงทุนจำนวนมากวิตกกังวลว่าการเข้าแทรกแซงตลาดครั้งนี้อาจส่งผลกระทบในระยะยาวต่อค่าเงินเยน