นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เผยการส่งออกในเดือน ส.ค.53 มีมูลค่า 16,452 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 23.8% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน เป็นการส่งออกที่เพิ่มขึ้นทุกหมวด โดยในหมวดสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่มขึ้น 14% ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 26.1%
สำหรับสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตร ที่มีการส่งออกเพิ่มขึ้นทั้งในแง่ปริมาณและมูลค่า ได้แก่ สินค้ายางพารา โดยมูลค่าเพิ่มขึ้น 97.8% ขณะที่ปริมาณเพิ่มขึ้น 7% ส่วนสินค้าอาหารทะเลแช่แข็ง อาหารกระป๋อง และแปรรูป มูลค่าเพิ่มขึ้น 7.3% ขณะที่ปริมาณ เพิ่มขึ้น 6.1% สินค้าไก่แช่แข็งและแปรรูป มูลค่าเพิ่มขึ้น 16.6% ปริมาณ เพิ่มขึ้น 10.6%
ทั้งนี้ การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นเกือบทุกรายการ โดยสินค้าที่มีการส่งออกเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า ส่งออกเพิ่มขึ้น 41.8% ยานยนต์ เพิ่มขึ้น 68.3% ผลิตภัณฑ์พลาสติกและเม็ดพลาสติก ส่งออกเพิ่มขึ้น 35.2% สิ่งทอ เพิ่มขึ้น 23.5% และผลิตภัณฑ์ยาง เพิ่มขึ้น 33.3%
ตลาดส่งออกสำคัญ พบว่าในตลาดหลักยังมีการส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 เพิ่มขึ้น 31.2% เป็นการเพิ่มขึ้นในทุกตลาด โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 36.8% ขณะที่ญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 35.5% ส่วนตลาดที่มีศักยภาพสูง มีการส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 คือ เพิ่มขึ้น 25.8% และส่งออกเพิ่มขึ้นในทุกตลาด โดยเฉพาะในตลาดอินเดีย และตลาดอาเซียน
ขณะที่การนำเข้า เดือน ส.ค.มีมูลค่า 15,809 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 41.1% ส่งผลให้เกินดุลการค้า 643 ล้านดอลลาร์ การนำเข้าขยายตัวทุกกลุ่มโดยเฉพาะในกลุ่มวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูป กลุ่มทุน กลุ่มยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง
สำหรับกลุ่มเชื้อเพลิงที่มีการนำเข้าเพิ่ม 42.1% มาจากการขยายตัวของภาคการผลิต การส่งออก การขนส่งโลจิสติกส์ ที่มีความสอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจของประเทศที่มีความขยายตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่การนำเข้าสินค้าทุน ที่เพิ่มขึ้น 38.9% มองว่าเป็นเพราะนักลงทุนต่างชาติ ยังมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจ และความชัดเจนของการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ประกอบกับเงินบาทแข็งค่า จึงทำให้ราคาสินค้านำเข้าถูกลง ผู้ประกอบการจึงตัดสินใจซื้อสินค้านำเข้าในหมวดทุนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเครื่องจักรและส่วนประกอบ เพื่อนำมาปรับปรุงประสิทธิภาพ รวมทั้งขยายการผลิต
ทั้งนี้ ส่งผลให้ช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ส.ค.53) การส่งออกมีมูลค่ารวม 125,083 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 32.63% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การนำเข้ามูลค่า 119,003 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 47.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้เกินดุลการค้ารวมทั้งสิ้น 6,081 ล้านดอลลาร์
รมว.พาณิชย์ เชื่อมั่นว่า การส่งออกในปีนี้จะขยายตัวได้ตามเป้าหมายซึ่งกำหนดไว้ที่ 20% หรือคิดเป็นมูลค่า 1.83 แสนล้านดอลลาร์
"เราคาดว่าในปีนี้ ถ้าเงินบาทไม่หลุดระดับ 30 บาท/ดอลลาร์ ก็เชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ(ต่อเป้าการส่งออก)...เราได้ประเมินการส่งออกในช่วง 2-3 เดือนที่เหลือว่าจะไม่กระทบมาก แต่ถ้าหลุด 30 บาท/ดอลลาร์ ก็เชื่อว่ากระทบแน่ แต่ ณ ตอนนี้ผู้ส่งออกส่วนใหญ่ทำ Fix Rate เอาไว้แล้ว ประกอบกับเรามีแนวทางช่วยเหลือกลุ่ม SMEs"รมว.พาณิชย์ กล่าว