ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความพร้อมที่จะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่าจะมีเม็ดเงินดอลลาร์หลั่งไหลเข้าสู่ระบบการเงินมากขึ้น นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังถูกกดดันมากขึ้นเมื่อเฟดยืนยันว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.67% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 85.110 เยน จากระดับของวันจันทร์ (20 ก.ย.) ที่ 85.680 เยน และดิ่งลง 0.79% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9968 ฟรังค์ จากระดับ 1.0047 ฟรังค์
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.13% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3241 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3064 ดอลลาร์สหรัฐ และเงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.43% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5616 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5549 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.57% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9531 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 0.9477 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดตัวขึ้น 0.34% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7327 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7302 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนเทขายสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากคณะกรรมการเฟดได้แสดงความพร้อมที่จะใช้มาตรการเพิ่มเติมหากจำเป็น เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่ระดับเป้าหมายของเฟด นอกจากนี้ คณะกรรมการเฟดยังมีมติด้วยคะแนนเสียง 8 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ 0-0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในการประชุมเมื่อวานนี้
แม้เฟดไม่ได้ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) หรือ QE ด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดการเงินผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) ในการประชุมครั้งล่าสุดนี้ แต่การที่เฟดประกาศความพร้อมที่จะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนกังวลว่าจะมีเม็ดเงินดอลลาร์หลั่งไหลเข้าสู่ระบบการเงินมากขึ้นหากเฟดตัดสินใจดำเนินการดังกล่าวในวันข้างหน้า ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จะส่งผลกระทบต่อมูลค่าของสกุลเงินดอลลาร์
ส่วนในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการเฟดมีมติด้วยคะแนน 8 ต่อ ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ไว้ที่ระดับ 0-0.25% พร้อมระบุว่า อัตราการฟื้นตัวของผลผลิตและการจ้างงานชะลอตัวลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ส่วนตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนค่อยๆปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังคงถูกจำกัดด้วยอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่อัตราการขยายตัวของรายได้อยู่ในระดับปานกลาง และประชาชนยังคงเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ยาก นอกจากนี้ เฟดกล่าวว่ากลุ่มนายจ้างยังคงลังเลที่จะเพิ่มการจ้างงาน และปริมาณการปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์ยังคงหดตัวลง แม้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวลดลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาก็ตาม
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านในเดือนส.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้น 10.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 4 เดือน สู่ระดับ 598,000 ยูนิต และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 550,000 ยูนิต หลังจากขยายตัวเพียง 0.4% ในเดือนก.ค. ขณะที่ตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างบ้านใหม่เดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 1.8% สู่ระดับ 569,000 ยูนิต หลังจากร่วงลง 4.1% ในเดือนก.ค.
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค. สำนักงานคอนเฟอเรนซ์บอร์ดจะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนส.ค. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค.และรายงานยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค.