ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียปรับตัวขึ้นลงคละเคล้ากันไปในช่วงเช้าวันนี้ (23 ก.ย.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ซบเซาเนื่องจากตลาดหุ้นหลายแห่งปิดทำการเนื่องในวันหยุด รวมถึงตลาดหุ้นญี่ปุ่นและตลาดหุ้นฮ่องกง ส่วนตลาดหุ้นออสเตรเลียและสิงคโปร์เปิดตลาดอ่อนตัวลงเพราะได้รับแรงกดดันจากการปิดลบของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมครั้งล่าสุด พร้อมทั้งแสดงมุมมองที่เป็นลบต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดตลาดลดลง 1.90 จุด แตะที่ 4,623.30 จุด ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันเปิดตลาดเพิ่มขึ้น 5.28 จุด แตะที่ 8,201.68 จุด ดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดตลาดลดลง 6.41 จุด แตะที่ 3,089.69 จุด ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดตลาดบวก 0.95 จุด แตะที่ 1,475.70 จุด และดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นมะนิลาเปิดตลาดบวก 0.95 จุด แตะที่ 4,055.13 จุด
ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ตลาดหุ้นฮ่องกง ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ และตลาดหุ้นจีน ปิดทำการในวันนี้เนื่องในวันหยุดประจำชาติ
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นทั่วภูมิภาคเอเชียเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากตลาดหุ้นใหญ่อย่างญี่ปุ่นและฮ่องกงปิดทำการ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการปิดลบของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ จึงหันไปซื้อสัญญาทองคำและพันธบัตรเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง หลังจากเฟดไม่ได้ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) หรือ QE ในการประชุมครั้งล่าสุด แม้เฟดยืนยันว่ามีความพร้อมที่จะใช้มาตรการเพิ่มเติมหากจำเป็น เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่ระดับเป้าหมายของเฟดก็ตาม นอกจากนี้ เฟดยังได้แสดงมุมมองที่เป็นลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐด้วย
นักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ส่งผลให้สัญญาทองคำ COMEX เดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 17.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,292.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์