นายสุชาติ สักการโกศล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กล่าวว่า ธปท.ต้องชั่งน้ำหนักในการทำนโยบายการเงินอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะเน้นนโยบายไปด้านใดด้านหนึ่งระหว่างอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยน ย่อมมีผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ และผู้เสียผลประโยชน์
หากมองในแง่อัตราเงินเฟ้อแม้จะไม่เป็นปัญหาในปีนี้ แต่แรงกดดันต่อการเร่งตัวของเงินเฟ้อในปี 54 มีสูงมาก ในขณะที่การส่งผ่านนโยบายการเงินสู่ดอกเบี้ยตลาดใช่เวลานานถึง 8 ไตรมาสข้างหน้า แม้ว่าจะมีหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธปท.เป็นส่วนสำคัญในการจูงใจเงินไหลเข้าและกดดันเงินบาทแข็งค่าก็ตาม
“มันเป็นศิลปะที่ต้องสร้างความสมดุล ซึ่งทฤษฎีเวลาการทำนโยบายการเงิน จะทำนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน และนโยบายการเงินพร้อมกันไม่ได้ ถ้าเราเลือกอัตราดอกเบี้ยก็ต้องปล่อยให้ค่าเงินขยายตัว แต่การขยายขึ้นก็ต้องค่อยเป็นไป เพื่อให้ผู้ประกอบการปรับตัวได้ แต่จะถามว่าไม่มีผลกระทบเลยไม่ได้" นายสุชาติ กล่าว
นายสุชาติ ยอมรับว่า ผู้ส่งออกได้รับผลกระทบจากการการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ แต่ด้วยปริมาณการส่งออกที่ขยายตัวตามความต้องการเศรษฐกิจโลกที่เร่งตัวขึ้น ทำให้ไม่ถึงกับสูญเสียรายได้เมื่อแปลงเป็นเงินบาทมากนัก